พนง.หญิงลางานถี่ๆ ดูแลลูกป่วยมะเร็ง เจ้าของร้านไม่บ่นสักคำ แถมให้เงินกว่า 2.5 แสน รู้เหตุผลซาบซึ้งใจจริงๆ
ตามรายงานของ Jimu News พบว่า “คุณหวัง” พนักงานหญิงสาวที่ทำงานในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ต้องเดินทางกลับไปที่เมืองจี่หนาน มณฑลซานตง อยู่เรื่อยๆ เพื่อคอยอยู่เคียงข้างลูกวัย 4 ขวบ ในระหว่างการรักษาเนื้องอกสมองระยะที่ 4 ดังนั้น เธอจึงมักจะต้องลางานอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตทราบเรื่องนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่บ่นพนักงานที่ขาดงานอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังสร้างเงื่อนไขเพื่อให้คุณหวังสามารถดูแลลูกของเธอได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถมาทำงานได้ในเวลาที่เธอสะดวก อาจจะมาทำงานเพียงครึ่งวัน แม้ว่าจะไม่มาทั้งวันก็ไม่เป็นไร
ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตยัง “ขอให้” คุณหวังนำผักและผลไม้จากซูเปอร์มาร์เก็ต ไปขายที่แผงขายของใกล้โรงพยาบาล เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเดินทางไปกลับระหว่างโรงพยาบาลและซูเปอร์มาร์เก็ตบ่อยๆ แต่สามารถทำงานที่แผงขายดังกล่าวได้เลย และเงินที่ได้จากการขายทั้งหมดยังยกให้เป็นค่ารักษาพยาบาลด้วย
โดยรวมแล้วภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตมอบเงินให้คุณหวังแล้วมากกว่า 50,000 หยวน (มากกว่า 2.5 แสนบาท) จะเห็นได้ว่าเขายินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่เมื่อรู้ว่าการรักษามีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
เหตุผลสั้นๆ ที่เปิดเผยทำให้ชาวเน็ตยิ่งสะเทือนอารมณ์
เมื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อ “คุณหลี่” เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “นี่เป็นเพียงเรื่องของการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย”
เรื่องราวความมีน้ำใจของเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตในจี่หนาน และการช่วยเหลือพนักงานอย่างสุดหัวใจ โดนใจชาวเน็ตในประเทศจีนอย่างลึกซึ้ง หลายคนเชื่อว่าในชีวิตยุคใหม่นี้ ผู้คนดูเหมือนจะเย็นชาและไม่แยแสต่อกันมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นผู้คนเมินเฉยต่อผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเมินเฉย ดังนั้น เชื่อว่าเรื่องราวดีๆ ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับความเมตตาในสังคม โดยความคิดเห็นส่วนหนึ่งบอกว่า
“ระดับการช่วยเหลือของเขากำลังจะเกินความสามารถทางการเงินของเขาด้วยซ้ำ จำนวนเงินที่โอนให้ไม่ใช่น้อยๆ ในขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของเขามีขนาดเล็กๆ การทำเงินไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พิสูจน์ได้ว่าเขามีจิตใจดีมาก เข้าใจความยากลำบากของผู้อื่น รู้จักช่วยเหลือผู้เดือดร้อน”
“ ขาเป็นพระเจ้าที่ใจดีกับแม่ที่มีลูกป่วยอย่างแท้จริง เจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตใจดีมาก ทำเอาผมละอายใจกับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง”