ทำเอาบรรยากาศงานแสดงรอบกาล่าพรีเมียร์ ละครเวทีแห่งปี ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ คึกคักขึ้นน่าดูเลยทีเดียว สำหรับการปรากฎตัวบนพรมแดง ของ เอม-สรรเพชญ์ คุณากร ลูกชายพิธีกรระดับประเทศ ดู๋-สัญญา คุณากร ในลุคหล่อกร้าวใจระดับ 10 เต็ม 10 ทั้งหน้าตา เสื้อผ้า รูปร่าง เรียกได้ว่าเปล่งออร่าซุปตาร์ จนแฟนๆ สาวๆ หนุ่มๆ ส่งเสียงกรี๊ดกันสนั่นหวั่นไหว
อีกทั้งงานนี้บรรดาสื่อมวลชน ก็ไม่พลาดที่จะชวนเจ้าตัวมาให้สัมภาษณ์อัปเดตแพลนอนาคต และความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงเหมือนคุณพ่อ ซึ่ง เอม สรรเพชญ์ ก็ได้แอบกระซิบข่าวดีให้เราฟังว่า ณ เวลานี้เจ้าตัวได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่องวันเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีผลงานให้ได้รับชมกันเร็วๆ นี้ด้วย
เป็นคนชอบดูละครเวทีอยู่แล้วไหม ?
“ไม่ครับ แต่ผมเคยดูฟ้าจรดทรายฯมา ตอนผมประมาณสัก 7-8 ขวบ ตั้งนานแล้วและมันมีความทรงจำที่ดีมาก วันนี้ก็เลยได้มีโอกาสได้มาดูณเดชณ์แสดงละครเวทีครั้งแรก แล้วก็ได้มากับคุณพ่อ ตื่นเต้นมากครับ”
ปกติเราสนใจงานศาสตร์ด้านละครเวทีไหม ?
“ก็สนใจในการพัฒนาคาแรคเตอร์ การแสดงล้วนๆ ก็ถือว่าเป็นการบ้านเช่นกันครับสำหรับผม (หัวเราะ) นักแสดงที่เป็นตำนานแล้ว ถือเป็นไอดอลของผม”
แสดงว่าก็จะมีโอกาสได้เห็นเอมในเวอร์ชั่นนี้ด้วยใช่ไหม ?
“มีโอกาสนะครับ แต่ก็ต้องพัฒนาทักษะอย่างมาก และผมยังไม่เล่นอะไรเลย ก็ต้องคอยดูครับ”
ตอนนี้เริ่มมีงานในวงการติดต่อเรามากขึ้นเรื่อยๆไหม ?
“มีครับ”
ตัดสินใจรับหรือยัง ?
“ตัดสินใจรับแล้วครับ (ยิ้ม)”
มีอะไรบ้าง ?
“เผยได้ว่าเซ็นกับช่องวันไปแล้วครับ แล้วก็มีงานที่คอนเฟิร์มไว้แล้ว แต่อาจจะยังบอกข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้”
อะไรที่ทำให้เราอยากเซ็นกับช่องวัน ?
“เขาเข้าใจวิธีในสิ่งที่ผมอยากได้ สิ่งที่ผมอยากบอกไป ในการที่ผมอยากแสดงและใช้คาแรคเตอร์ แล้วผมได้คุยกับพี่บอยโดยตรง แล้วผมรู้สึกเหมือนว่าเขาเข้าใจแนวของผม และ ความอยากของผม”
แล้วแนวหรือความตั้งใจของเราคืออะไร ?
“ผมอยากดูไดอะล็อกคาแรคเตอร์ แล้วผมอยากเข้าสวมบทอย่างจริงจังมากขึ้น”
มีบทบาทไหนที่เรารู้สึกว่าอยากเล่น อยากลองแบบนี้ ได้คุยกับผู้ใหญ่ไหม ?
“ยังไม่ได้คุยครับ ยังอยู่ในระดับที่เรายังสร้างเรื่องอยู่ พูดอะไรมากกว่านี้น่าจะไม่ได้ เอาจริงๆ ผมสนใจการเล่นบทที่อาจจะแตกต่างจากตัวเองมากกว่าเดิม
มีการไปลงเรียน หรือเวิร์คช้อปไหม ?
มีครับ ผมมีไปเรียนการแสดงมา มีเวิร์คช้อปเรียบร้อยครับ
พอได้ไปลงแล้วรู้สึกชอบไหม ?
“ชอบครับ ซึ่งผมไม่นึกว่าจะชอบนะ เพราะผมเป็นคนขี้อาย แต่ว่าสำหรับคนที่แบบว่าเงียบ มันมีความรู้สึกว่าเราได้ปลดปล่อย”
ตอนที่ตัดสินใจ ได้คุยกับคุณพ่ออย่างไรบ้าง หรือคุณพ่อให้คำแนะนำเราอย่างไร ?
“คุณพ่อมีคำแนะนำเยอะครับ เพราะคุณพ่อก็มีประสบการณ์ที่เยอะ และเป็นมนุษยสัมพันธ์ที่ดีให้กับผม โดยเฉพาะความมั่นใจในตัวเอง อย่างในการกล้าแสดงออก การออกสื่อ”
ในการกลับมาในวงการเราต้องแบกความเป็นลูกดู๋ สัญญาด้วย มีความกดดันไหม ?
“ก็มีความกดดันนะครับ แต่ผมกดดันตัวเองมากกว่า ในฐานะที่ผมอยากแสดงออกในสิ่งที่ผมทำได้ ผมอยากแสดงทักษะทุกอย่างที่ผมมีให้ออกมา”
ต้องทำให้ดีกว่าเดิมมั้ย ด้วยความที่ไม่อยากให้พ่อเราเสียชื่อแน่ๆ ?
“พ่อไม่เสียชื่อหรอก ผมเสียชื่อ (ยิ้ม) พ่อไม่เกี่ยว พ่อเขาโอเคแล้วครับ น่าจะโอเคแล้ว”
ไม่อยากให้เสียชื่อว่าเป็นลูกดู๋ สัญญา ?
“ก็มีบ้างแหละครับ แต่ว่าอะไรที่ออกมา ก็คือมันก็จะออกมาแต่แรก และผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
คุณพ่อแนะนำงานในวงการอย่างไรบ้าง ?
“คุณพ่อเขาจะแนะนำแบบเป็นกลาง เพราะเขาเข้าใจว่าเรามีบุคลลิกที่คล้ายๆ กัน แต่ผมมีวิธีคิดที่ไม่เหมือนเขา ผมเป็นคนคิดมากครับ แล้วตอนผมคิดเยอะไป มันจะมีความกังวล ผมก็เลยต้องมีทิศทางซึ่งผมก็ปล่อยให้ไปเลย”
เขาบอกทริกสำหรับการแสดงให้เราไหม ?
“มีครับ มีแบบการอ่านสคริปต์ การท่อง การจำ การอินกับคาแรกเตอร์ อย่าคิดมากเรื่องภายนอกครับ ต้องอยู่ในโมเม้นต์นั้นครับ (เราเอามาใช้ไหม?) เอามาใช้ครับ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า หวังว่าน่าจะได้นะครับ (ยิ้ม)”
คนจะได้ดูเอมในบทบาทนี้เมื่อไหร่ ?
“อันนี้อาจจะพูดไม่ได้ แต่ว่าใกล้ๆ นี้ครับ”
เรียกว่าอยู่ในกระบวนการที่เราทำงานอยู่ใช่ไหม ?
“ใช่ครับ”
คุณพ่อมีห่วงเรื่องสาวๆ ไหม ?
“ไม่เลยๆ คุณพ่อไม่สน คุณแม่ก็ไม่สน ไม่มีใครสน (ยิ้ม)”
ปล่อยให้เราตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะไว้ใจแล้ว ?
“ใช่ครับ มีความไว้ใจ”