“นกพิราบ” เป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย ไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็จะเห็นเจ้านกตัวนี้อยู่กันเป็นฝูงคอยเดินไปเดินมารอบ ๆ เมือง ซึ่งหลายคนเห็นก็อาจรู้สึกเอ็นดู และสงสารอยากให้อาหาร อย่างไรก็ตามในความจริงแล้วเจ้านกพิราบที่เราเห็นกันทุกวันนี้อันตรายกว่าที่เราคิด
อย่างล่าสุดมีข่าวหญิงสาวคนหนึ่งป่วยเป็นปอดอักเสบจากเชื้อราคริปโตคอคคัส โดยแพทย์ระบุสาเหตุว่าแถวบ้านของเธอมีนกพิราบอยู่หลายตัว และเธอให้อาหารนกพิราบประจำจึงทำให้เธอหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์ จากนกพิราบเข้าไปด้วย
- สะพรึง หญิงชอบให้อาหารนกพิราบ ไม่รู้หายใจเอาเชื้อราเข้าปอด รู้ตัวอีกทีต้องผ่าตัด
วันนี้ Sanook เลยอยากพาทุกคนมาดูอันตรายจากนกพิราบว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงวิธีป้องกัน เพื่อที่จะได้ระวังตัวเองในอนาคต จะเป็นอย่างไร ไปดู!
ทำไม “นกพิราบ” ถึงเป็นพหะนำโรค
เนื่องจากในมูลของนกพิราบมีเชื้อราที่ชื่อ “เชื้อคริปโตคอคคัส” ซึ่งเป็นเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคร้ายมากมาย โดยมนุษย์สามารถรับเชื้อราดังกล่าวได้ โดยผ่านการสัมผัสมูลของนกพิราบ รวมไปถึงแค่หายใจหรือสูดดมมูลนกพิราบ ก็อาจทำให้เรารับเชื้อไปได้ นอกจากนี้นกพิราบเองยังมีแบคทีเรียที่ชื่อว่า “คลามัยเดีย” ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่อันตรายต่อปอดอย่างมาก
6 โรคอันตรายจากนกพิราบ
1. โรคคริปโตคอกโคสิส (Cryptococcosis)
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา คริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus Neoformans) ในมูลนกพิราบ ซึ่งเมื่อเชื้อนี้เข้าไปในร่างกาย จะทำให้ปอดติดเชื้อ และแพร่กระจายเชื้อผ่านกระแสเลือดไปยังอวัยวะอื่นต่อไป
2. โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เป็นโรคที่เกิดจากการสูดดมละอองและสัมผัสมูลนกพิราบ ซึ่งสามารถติดเชื้อผ่านระบบทางเดินอาหาร โดยผู้ที่รับเชื้อจะมีอาการเริ่มต้นคือ เป็นไข้ ปวดศีรษะ ตาแพ้แสง และในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการชัก หมดสติ เป็นอัมพาต สมองพิการ จนอาจอันตรายถึงเสียชีวิตได้
3. โรคปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบชนิดนี้เกิดจากการสูดดมเอาละอองสปอร์ เชื้อรา Cryptococcus Neoformans เช่นเดียวกับโรคคริปโตคอกโคสิส (Cryptococcosis) ส่งผลให้เกิดอาการติดเชื้อที่ปอด ลุกลามไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย จนปอดเกิดการอักเสบในที่สุด นอกจากนี้ในนกพิราบยังมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “คลามัยเดีย” ที่ทำให้เกิดอาการปอดบวมได้อีกด้วย
4. โรคซาลโมเนลโลสิส (Salmonellosis)
เกิดจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำดื่ม ที่มีสารปนเปื้อนของเชื้อจากแบคทีเรียซาลโมเนลลา (Salmonella) โดยมีนกพิราบเป็นพาหะของโรค ซึ่งจะมีอาการเหมือนอาหารเป็นพิษ อาเจียน ท้องเสีย และอาจมีการถ่ายอุจระเป็นเลือด
5. โรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis)
โรคชนิดนี้มาจากเชื้อรา Histoplasma ที่อยู่ในดินที่นกพิราบทิ้งมูลไว้ ส่วนใหญ่คนที่ติดเชื้อรานี้สามารถหายได้ด้วยตัวเอง หากมีสุขภาพที่แข็งแรง อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อราตัวนี้อาจเขาไปทำลายระบบหายใจได้
6.โรคซิตตาโคซิส (Psittacosis)
หรือที่รู้จักกันว่า “โรคไข้นกแก้ว” เป็นโรคที่มีพาหะเป็นนก โดยจะเกิดจากแบคทีเรีย Chlamydia Psittaci ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด อาจนำไปสู่การป่วยเป็นโรคปอดบวม และเสียชีวิตได้
วิธีป้องกันเชื้อจากนกพิราบ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสและเลี่ยงการเข้าไปในฝูงนกพิราบ
- ไม่ให้อาหารนกพิราบ
- สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรเข้าใกล้นกพิราบ เพราะยิ่งเสี่ยงให้เชื้อเข้าไปได้มากกว่าคนปกติ
- ล้างมือทุกครั้งหากบังเอิญสัมผัส หรือเข้าใกล้นกพิราบ