พาเจาะลึกโรงงาน Thailand Midea Smart Factory ใช้ 5G รันโรงงานในไทยครั้งแรก

Home » พาเจาะลึกโรงงาน Thailand Midea Smart Factory ใช้ 5G รันโรงงานในไทยครั้งแรก
พาเจาะลึกโรงงาน Thailand Midea Smart Factory ใช้ 5G รันโรงงานในไทยครั้งแรก

ถ้าพูดถึง 5G หลายคนบอกว่ามันเร็วมากและสูบ Data ค่อนข้างมากแต่แลกกับผลลัพธ์ที่เร็ว แต่ถ้าจะบอกว่านั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการใช้งาน 5G เท่านั้นคุณอาจจะตกใจเพราะจริงๆ แล้ว 5G มันทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่นเดียวกับวันนี้ที่ Sanook Hitech พาคุณไปดูโรงงานแห่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็น Smart Factory อย่างแท้จริงครั้งแรกในเมืองไทย อย่าง Thailand Midea Smart Factory

Midea คือใครผลิตอะไรกัน

batch_mideasmartfactory-05

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ ไมเดีย กรุ๊ป (Midea Group) กันก่อน โดยบริษัทนี้ถือว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสัญชาติจีน จากข้อมูล ณ ปี  2564 บริษัทฯ มีจำนวนพนักงานรวมกว่า 150,000 คน ประจำอยู่ทั้งในจีนและต่างประเทศ 

และเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย ทั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดพื้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้า อุปกรณ์ประกอบอาหารขนาดใหญ่ และเครื่องทำความเย็น ทั้งยังเป็นผู้ผลิตเตาไฟฟ้าไมโครเวฟรายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าแบบ OEM ให้กับหลายๆ แบรนด์ ไม่เพียงเท่านั้น ไมเดียยังมีประสบการณ์ยาวนานในด้านการผลิตอุปกรณ์ระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และระบบปรับอากาศสำหรับการใช้งานภายในบ้านและเพื่อการพาณิชย์ และยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบหุ่นยนต์สำหรับใช้ในเชิงอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในโลก

batch_mideasmartfactory-01

Smart Factory โรงงานอัจฉริยะที่ Midea ทำ

เมื่อเทียม Sanook Htech ได้ก้าวเดินเข้าโรงงานพบว่าแต่ละสายการผลิตของโรงงานนั้นมีสายเคเบิ้ลน้อยมาก โดยมากแล้วจะเป็นรางสำหรับการขนส่ง โดยภายในนั้นมีการนำเทคโนโลยี 5G+ แบบ Private Network ซึ่งไว้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ภายในเท่านั้น ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ 15 สถานะากรณ์ และสามารถเชื่อมโยทั้งระบบผ่าน 5G+ แต่จะมีบางจุดที่อาจจะใช้ระบบเครือข่ายภายในอยู่ โดย Solution ต่างๆ ภายใมนก็มีการทำงานร่วมกับ AI เช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย

  • การตรวจตราด้วยระบบ 5G AI: สามารถลดข้อผิดพลาดและขั้นตอนการจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลตอบแทน (First Time Yeild) เพิ่มขึ้น 4% ในอดีต โรงงานเคยประสบปัญหาอุปกรณ์กว่า 4,000 ชิ้นจำเป็นต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ในสายการผลิตเนื่องจากความสะเพร่า หลังจากมีการตรวจตราด้วยระบบ AI จำนวนชิ้นงานที่ต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ลดลงเหลือเพียง 1,000 ชิ้น และอัตราการแก้ไขชิ้นงานลดลงถึง 75%
  • แขนกลหุ่นยนต์ 5G: ด้วยเทคโนโลยีแขนกลหุ่นยนต์ 5G พนักงานในสายการผลิตไม่ต้องเสี่ยงทำงานที่อันตราย เดิมๆ ซ้ำๆ และใกล้กับเครื่องจักรที่ร้อน พนักงานสามารถใช้สมาร์ทโฟนสัญญาณ 5G จากระยะไกลในการสตาร์ทการทำงานของแขนกลหุ่นยนต์ ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้สามารถปรับการไหลของวัตถุดิบต่างๆ ในสายการผลิตได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบตามความต้องการของผู้สั่งการ พนักงานจึงไม่ต้องทำงานที่เสี่ยงอันตรายด้วยตัวเอง และคุณภาพของสินค้ายังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย

batch_mideasmartfactory-07

  • รถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ 5G (AGV): เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของรถ AGV อย่างแท้จริง ขณะที่รถ AGV แบบดั้งเดิมขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก่อนแล้วร่วมด้วยเครื่องหมายต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ ซึ่งในหลายโอกาสยังเป็นการจำกัดของเขตการใช้งานและสมรรถภาพสูงสุดของรถ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพด้านการประมวลผลข้อมูลและการสื่อสารของรถ AGV ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปลดล็อคให้รถสามารถวางแผนเส้นทางที่ดีที่สุด ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความจุสูง และเวลาแฝงต่ำ สามารถยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรถ AGV และด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G รถ AGV สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถสำรวจและควบคุมการทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมโรงงานที่มีความซับซ้อนสูง จึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงานลงได้มาก
  • ห้องปฏิบัติการ 5G: สายพานการประกอบเครื่องปรับอากาศแต่ละสายจะมีห้องปฏิบัติการ 5G เพื่อจำลองและทดสอบสถานะการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ข้างนอก ข้อมูลการทำงานของเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวจะถูกรวบรวมไว้ในตัวเครื่องเพื่อส่งต่อไปยังเซอร์เวอร์ผ่านสัญญาณไวไฟหรือสายเคเบิลเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์ ปัญหาคือสัญญาณไวไฟถูกรบกวนสูงและยังเกิดข้อผิดพลาดในการเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง โซลูชัน 5g backhaul ได้เข้ามาแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูล ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้เวลาแฝงต่ำในการรับส่งข้อมูล 

batch_mideasmartfactory-03

  • การรวบรวมข้อมูลด้วย 5G: เทคโนโลยี 5G ประกอบด้วยการเชื่อมต่อที่มากมายและยังต้องการความความเสถียรสูง อุปกรณ์ CPE แบบไร้สายสามารถใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย 5G เพื่อรวบรวมข้อมูลอัตราและกำลังการผลิต รวมไปถึงข้อมูลจากเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานได้ในแบบเรียลไทม์ พร้อมๆ ไปกับการตรวจตรา และวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมา อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อสัญญาณ 5G สามารถตรวจจับและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงงานผลิตได้ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งก่อนหน้านี้จำเป็นต้องตรวจสอบโดยแรงงานคนอย่างเป็นระยะๆ จึงนับเป็นการยกระดับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความผิดพลาดของอุปกรณ์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ ด้วย  

ไม่ได้มีเท่านี้เพราะ 5G เป็นแค่เหมือนสะพานเชื่อมไปสู่ระบบ AI, Big Data และ Cloud เพื่อให้สามารถสั่งงานได้ และมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นเครือข่าย แบบ Private ซึ่งจะไม่ทำให้กระทบต่อผู้ใช้งานรอบๆ หรือ การใช้งานแบบปกติ ซึ่งโรงงานนี้ได้ใช้เครือข่าย AIS ซึ่งวันนั้นทีมพกซิมการ์ดของ AIS ไปสังเกตว่า เน็ตค่อนข้างไวกว่าข้างนอกโรงงานเล็กน้อย โดยมือถือขึ้น 5G ตลอดเวลา

โรงงานอื่นสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่

batch_mideasmartfactory-02

จากที่ได้พูดคุยกับทาง AIS ก็ให้คำตอบว่า ทำได้ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับขนาดและความต้องการของโรงงาน เพราะ AIS เองก็มีให้เลือกที่หลากหลายมาก และการจับมือกับ HUAWEI ซึ่งเป็นผู้ผลิต Hardware ชั้นนำที่มีอุปกรณ์ทั้ง CPE ที่ใส่ซิมการ์ด 5G และปล่อยสัญญาณแบบที่ทำงานเฉพาะบางจุด หรือ การติดระบบ 5G กับรถ AGV เลยก็สามารถทำได้ครับ

เรียกว่าการทำอุตสาหกรรม 4.0 ในประเทศไทย ก็ขึ้นกับการลงทุนและความคุ้มค่าว่าคุณเลือกที่จะหรือไม่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า 5G ไม่ได้มีไว้เล่นเน็ตแต่สามารถทำให้เกิดผลประโยชน์ในระยะยาวรวมถึงการผลิตสินค้าที่แม่นยำด้วยเช่นเดียวกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ