ครูสาวของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มีอาการหวัดเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ในตอนแรกเธอไม่สนใจ แต่ต่อมาก็เริ่มมีไข้สูงขึ้น หายใจลำบาก สุดท้ายก็ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์บอกว่าเธอติดเชื้อในปอด จนเกิดภาวะช็อก ติดเชื้อในกระแสเลือด และเริ่มมีอาการเนื้อตาย มือและเท้ากลายเป็นสีดำ หากจะรักษาชีวิตเอาไว้ แพทย์ต้องตัดแขนขาออกเท่านั้น
นิวยอร์กโพสต์ รายงานเรื่องราวของ เชอร์รี มูดี้ ครูโรงเรียนมัธยมวัย 51 ปี ที่เริ่มป่วย มีอาการหวัดเล็กน้อยในช่วงเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เธอจะออกไปสอนตามปกติ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ในตอนแรกเธอไม่สนใจ แต่ไม่กี่วันต่อมาเธอก็มีไข้สูงและหายใจลำบาก และในที่สุดครอบครัวของเธอก็พาไปที่ห้องฉุกเฉิน
หลังจากการวินิจฉัย แพทย์ชี้ให้เห็นว่าปอดของเธอติดเชื้อจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae และเธอก็มีอาการช็อกจากภาวะติดเชื้อ มูดี้กล่าวว่าเธอมีสุขภาพที่ดีมาโดยตลอดและไม่เคยไปห้องฉุกเฉินมาก่อน เดวิด ผู้เป็นสามี ย้อนเล่าว่า “หลังจากฟังหมอแจ้ง ผมต้องค้นหาว่าภาวะติดเชื้อคืออะไร ถึงรู้ว่าสถานการณ์นี้ร้ายแรงมาก”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้อาการของเธอแย่ลง คือยารักษาโรคข้ออักเสบที่เธอกินอยู่ ทำให้ความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อลดลง เดวิดกล่าวว่า “ผมเห็นมือและเท้าของภรรยา ค่อยๆกลายเป็นเนื้อตาย ต่อหน้าต่อตาตัวเอง”
จากภาพถ่ายในครั้งนั้น จะเห็นได้ว่า มูดี้กำลังนั่งอยู่บนขอบเตียงในโรงพยาบาล โดยมีท่อหลายเส้นสอดเข้าไปในร่างกาย แขนและขากลายเป็นสีดำ หลังจากที่มูดี้ได้รับการช่วยเหลือ แพทย์ได้ตัดแขนและขาของเธอออกเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
แม้ว่าหลังฟื้นถึงมา จะเป็นเรื่องยากที่ต้องยอมรับความจริง ว่าตนเองกลายเป็นผู้พิการ ไม่มีแขนขาไว้ใช้อีกต่อไป แต่มูดี้ก็รวบรวมกำลังใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันเลือกที่จะมีความสุข แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ แล้วยอมให้ความเศร้าเหล่านั้นมันมากำหนดชีวิตของฉัน ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เสียใจนะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันรู้สึกเศร้า ฉันก็แค่ร้องไห้ออกมา แล้วไม่ปล่อยให้ตัวเองจมกับความรู้สึกเหล่านั้นนานเกินไป” ครูสาวให้สัมภาษณ์
จากข้อมูลของ American Thoracic Society ภาวะช็อกจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันประมาณ 750,000 รายต่อปี และมักเกิดจากการติดเชื้อ ในจำนวนนี้ มี 30% ที่เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงและเสียชีวิต