วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 กรณีการฟ้องร้องเรื่อง ครอบครองปรปักษ์ ดูเหมือนว่าทุกอย่างเริ่มบานปลาย หลังจากเมื่อวันที่ (26 ก.พ. 67) ที่ผ่านมา 1 ในผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพัก ทำให้ครอบครัวต่างเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสาเหตุคาดว่าเกิดจากความเครียดสะสม ส่วนทางด้านทนายผู้ต้องหาได้ออกมาชี้แจงว่า ผู้ตายเครียดสะสม เนื่องจากทางเจ้าของบ้านใช้สื่อในการกดดัน ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ทนายเดชา ทนายที่ปรึกษาด้านของฝั่ง “อากู๋” ก็ได้ออกมาแถลงพร้อม ปล่อยคลิปเสียง การสนทนาคดีดังกล่าว
โดย บทการสนทนา คลิปเสียงอากู๋กับน.ส.ภานุมาศ ดังกล่าวมีประมาณว่า
อากู๋ กล่าวประมาณว่า การเจรจามันต้องให้เกียรติกัน แล้วจริงๆ มันจะไม่เลยเถิด ถ้าไม่ไปแจ้งปรปักษ์
น.ส.ภานุมาศ กล่าวประมาณว่า เราจะถอนปรปักษ์แล้วค่ะ ทุกคนจะมาแนะนำเราว่า ทำแบบนี้สิ โดนคดีความไปแล้ว เกิน 13 ปีแล้ว ต้องทำแบบนี้ถึงจะชนะ ยอมรับเลยว่าทุกอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เมื่อวานเพิ่งเรียกคุยกับทนาย แล้วหนูก็กราบเท้าเขาเลย ว่าหนูไม่อยากทำแล้ว ไม่ใช่เจตนาของหนูตั้งแต่แรก พี่สาวเข้าไปดูแลบ้านจริงๆ
- จ่าอาร์ม ตำรวจคลั่ง ไล่แทงชาวบ้าน ล่าสุด ถูกสั่งไล่ออกราชการแล้ว
- ขนลุก! กุ้งเครย์ฟิช ลวกจิ้ม ทำคนกินอ้วกแทบพุ่ง เมื่อแกะหัวออกเจอสิ่งนี้
- กัน จอมพลัง บุกสถานรับเลี้ยงเด็กออทิสติก หลังพบกักขัง มีการทำร้ายร่างกาย
ล่าสุด ทนายเดชา ได้มีการกล่าวถึง จรรยาบรรณวิชาชีพทนายความ ว่า สวัสดีพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก FC ทนายคลายทุกข์วันนี้ผมไปว่าความที่ศาลอาญามีนบุรีครับ “การเป็นทนายความ สิ่งที่เรายึดมั่นคือจรรยาบรรณวิชาชีพ และสิ่งที่สำคัญคุณธรรมต้องนำกฎหมาย ไม่ควรใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นเป็นความกันทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม”
ทนายความถือว่าเป็นหน่วยหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่สำคัญในการถ่วงดุล กับหน่วยงานของภาครัฐเช่นตำรวจและอัยการ ส่วนใครจะผิดหรือถูกเป็นหน้าที่ของศาลเป็นคนตัดสิน มีปัญหาข้อกฎหมายสอบถาม 02-948-5700 ในเวลาราชการไม่มีค่าใช้จ่ายในการตอบปัญหาข้อกฎหมายส่วนท่านจะว่าจ้างทนายความท่านใดทำคดีนั้นเป็นเรื่องความฉบับใจของท่าน เมื่อท่านรู้กฎหมายแล้วท่าน ก็จะไม่เสียเปรียบและไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของใครวิธีการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดผมอยากแนะนำคือการเคารพกฎหมายบ้านเมืองและที่สำคัญไม่ทำผิดศีลธรรมอันดีโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายที่ตัวเองได้เปรียบ