เอ็นดูไม่ไหว พี่ทหารแบกน้องจงอางบิ๊กเบิ้ม ยาว 5 เมตร หนัก 10 กก. ไปหาหมอ

Home » เอ็นดูไม่ไหว พี่ทหารแบกน้องจงอางบิ๊กเบิ้ม ยาว 5 เมตร หนัก 10 กก. ไปหาหมอ
เอ็นดูไม่ไหว พี่ทหารแบกน้องจงอางบิ๊กเบิ้ม ยาว 5 เมตร หนัก 10 กก. ไปหาหมอ

พี่ทหารแบกน้องจงอางยักษ์ไปหาหมอ ยาว 5 เมตร หนัก 10 กก. ใหญ่สุดเท่าที่ในอำเภอเคยเจอ เป็นงูตัวแรกในไทยที่โดนทำหมัน

(14 ก.พ.67) ร้อยโทพรพิทักษ์ ฉิมครบุรี จ่าสิบเอกพันธเรศ สำเภาสงฆ์ ครูฝึกทหารรบพิเศษ และกำลังพลจากค่ายฝึกรบพิเศษสิชล อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช แบกงูจงอางขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในพื้นที่อำเภอสิชล นครศรีธรรมราช ขนาดยาวเกือบ 5 เมตร น้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัม เพศผู้ อยู่ในสภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ใกล้ทวารหนักของงูตัวนี้อยู่ในอาการสาหัส เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์สิชล อำเภอสิชล นครศรีธรรมราช โดยมีสัตวแพทย์หญิงปิยาภรณ์ วัฒนพันธุ์ สัตวแพทย์รับให้การช่วยเหลือรักษาอาการของงูจงอางตัวนี้

โดยสัตวแพทย์หญิงปิยาภรณ์ ได้ทำการผ่าตัดตกแต่งบาดแผลพบว่ามีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณช่องท้องใกล้กับทหวารหนัก และมีอวัยวะภายในทะลักออกมาอยู่ด้านนอกต้องทำการวางยาสลบเย็บบาดแผลและตัดอวัยวะภายในออกบางส่วนซึ่งเป็นชิ้นส่วนของอวัยเพศผู้ของงูตัวนี้ทำให้งูตัวนี้ถูกทำหมันไปในตัว กลายเป็นงูจงอางตัวแรกที่ถูกทำหมันไปโดยสถานการณ์บังคับ และน่าจะเป็นจงอางตัวแรกของประเทศไทยที่มีการทำหมันไป ซึ่งหากไม่มีการตัดทำหมันและรักษาอาการบาดแผลที่กำลังเริ่มเน่ายิ่งจะทำให้งูตัวนี้ตายภายในเวลาไม่กี่วัน

ขณะที่ให้การรักษาทหารต้องช่วยกันประคองงูและอยู่เป็นเพื่อนกับสัตวแพทย์ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย เรียกว่าเป็นภาพที่น่าชื่นชมมาก ที่ทั้งทหาร สัตวแพทย์ รวมถึงบุคลากรต่างช่วยกันรักษาชีวิตงูตัวนี้อย่างเต็มกำลัง

ร้อยโทพรพิทักษ์ ฉิมครบุรี ครูฝึกระบุว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลืองูตัวนี้หลังจากถูกสุนัขกัดและเลื้อยขึ้นไปอยู่บนต้นมังคุดหลังจากช่วยได้แล้วได้นำมามอบให้กับทหารค่ายฝึกรบพิเศษ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องงูจงอางและงูทุกชนิดรักษาบาดแผล แต่พบว่าบาดแผลฉกรรจ์เกินกำลังจึงนำไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์สิชล ซึ่งสัตวแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเนื่องจากเป็นสัตว์ป่าและไม่ต้องเป็นภาระให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ให้การดูแล หลังจากที่ให้การรักษาเสร็จแล้ว ทหารต้องทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์โดยต้องนำงูกลับมารักษาอาการที่ค่ายฝึกรบพิเศษ โดยจะต้องช่วยทำแผลและฉีดยาปฏิชีวนะให้ทุกวันจนกว่าอาการจะหาย หลังจากนั้นจะพิจารณาดำเนินการนำไปปล่อยป่าตามธรรมชาติอีกครั้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ