ทนายตายกลางแยกไฟแดง ปล่อยกระบะไหลชนท้ายเก๋ง สาวคู่กรณีลงมาดูผวา พบเป็นศพในรถ อุทาหรณ์ป่วยเฉียบพลัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และหน่วยกู้ภัยเต็กก่าจี้คุงเกาะ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณแยกเบญจม ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง เส้นทางจากแยกนาพรุ เข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช หลังจากรับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะ ชนท้ายรถยนต์เก๋ง แต่ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะไม่ยอมลงจากรถ

โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบพบว่าชายผู้ขับขี่กระบะสี่ประตูสีดำทะเบียน กย-3078 นครศรีธรรมราช แน่นิ่งอยู่บนที่นั่งผู้ขับขี่จึงตัดสินใจทุบกระจกและเปิดประตูจึงพบว่าเสียชีวิตอยู่บนที่นั่งผู้ขับขี่ไปแล้ว ทราบชื่อภายหลังคือนายธเนศ หนูทับ อายุ 44 ปี อยู่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง นครศรีธรรมราช มีอาชีพเป็นทนายความและประกอบธุรกิจโรงงานอิฐสำหรับการก่อสร้างอยู่ใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช อยู่ในชุดเสื้อกีฬา กางเกงขาสั้น ส่วนด้านหน้าของรถไปชนท้ายกับรถยนต์เก๋งอีกคันทะเบียน กบ-498 นครศรีธรรมราช เสียหายเล็กน้อยเจ้าของรถยนต์เก๋งคือ นางสาวอาริยา จันทร์ภักดี ยังอยู่ในอาการตกใจ

นางสาวอาริยา ระบุว่าก่อนเกิดเหตุขับรถยนต์กลับมาจากการต่อใบอนุญาตขับขี่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้ชิดขวาเพื่อรอเลี้ยวขวาที่แยกไฟแดงเบญจมะ รู้สึกว่ารถยนต์ที่ตามหลังมาเข้ามาชนแปะด้านท้ายรถแบบไม่ได้รุนแรง จึงลงไปดูแต่ผู้ขับขี่ไม่ได้ลงจากรถพยายามเรียกปรากฎว่าไม่มีการตอบรับใดๆด้วยความตกใจจึงข้ามถนนไปขอความช่วยเหลือและโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมาดูจึงพบว่าผู้ขับขี่เสียชีวิตไปแล้ว โดยที่เป็นการคลาดแคล้วที่เท้าของผู้เสียชีวิตไม่ได้กดเหยียบคันเร่งไม่เช่นนั้นเหตุการณ์อาจรุนแรงมากกว่านี้แน่เพราะอยู่ในช่วงที่การจราจรหนาแน่น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานญาติของผู้ตายมาดูที่เกิดเหตุทั้งพอและแม่เห็นร่างของนายธเนศ อยู่ในรถถึงกับล้มทั้งยืนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าช่วยปฐมพยาบาล ขณะที่เพื่อมาดูที่เกิดเหตุร่ำไห้ด้วยความเสียใจบอกว่าปกติขะเป็นคนแข็งแรงมากชอบเล่นฟุตบอลทุกวัน และเล่นอย่างต่อเนื่องคิดไม่ถึงว่าจะเกิดป่วยฉุกเฉินแล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็วโดยที่เขาเองคงไม่ได้รู้สึกความผิดปกติใดๆมาก่อน หลังจากนั้นแพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราช ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นน่าเชื่อว่าจะเกิดจากภาวะร่างกายอ่อนล้า พักผ่อนไม่เพียงพอแล้วเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันเป็นเหตุให้เสียชีวิต