5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

Home » 5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง
5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

แม้ว่าหน้าหนาวบ้านเราจะไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่ก็มีโรคระบาดหน้าหนาว ที่ทุกเพศทุกวัยควรระวังอยู่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องระวังเจ็บป่วย สามารถฉีดวัคซีนป้องกัน หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

กลุ่มเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

นายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาว มีกลุ่มเสี่ยงโรคระบาด ได้แก่ 

  • เด็กเล็กช่วงอายุ 0-5 ปี 
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

โดยกลุ่มคนเหล่านี้อาจเจ็บป่วยด้วยโรคที่มาพร้อมฤดูหนาว ดังนี้

5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

  1. โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่

    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บหรือแสบคอ

    สำหรับไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

  1. โรคติดเชื้อไวรัส RSV

    มีอาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยมักหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจและปอด และผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    หากพบว่ามีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอ มีเสมหะ หายใจเร็วและแรง หอบเหนื่อยหรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

  1. โรคมือ เท้า ปาก

    อาการสำคัญ คือ มีไข้ 2–4 วัน เบื่ออาหาร มีแผลคล้ายแผลร้อนในที่ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และมีผื่นเป็นจุดแดง ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส แดง บริเวณที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ต้นขา หรือที่ก้น ไม่มีอาการคัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 10 วัน

  1. โรคหลอดลมอักเสบ และปอดบวม

    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ไอ มีเสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อยหอบ

  1. โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโรต้าไวรัส

    อาการสำคัญ คือ มีไข้ อาเจียน และถ่ายเหลวเป็นน้ำ ซึ่งอาการถ่ายเหลวจะหายภายใน 3-7 วัน 

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

  1. หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินอาหารร้อนหรืออาหารปรุงสุกใหม่
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70%
  5. หากบุตรหลานป่วยให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน และควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยการกำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ ดูแลรักษาและทำความสะอาดอาคาร สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเล่น ของใช้ ของเด็กเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ