กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech ส่งท้ายปี 2023 ทั้งที สำหรับคนที่อยากหามือถือดีๆ มาใช้หรือจับฉลากสักเครื่องมาให้คุณได้รับชมกันนั้น พูดเลยว่า ไม่ผิดหวังแน่นอน กับรุ่นนี้ Redmi 13C ในราคาแค่ 3,999 บาท มันน่าสนใจแค่ไหน เรามาติดตามกันได้เลย
สรุปสเปกภาพรวมของ Redmi 13C
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 168 x 78 x 8.1 มม.
- น้ำหนัก 192 กรัม
- หน้าจอ ขนาด 6.74 นิ้ว IPS LCD ให้สีสัน 68 พันล้านสี ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล, Refresh Rate 90Hz ความสว่าง 600 nits
- ชนิดกระจกกันรอย ไม่ได้ระบุแต่คาดว่า Gorilla Glass
- ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G85
- กราฟิก : Mali-G52 MC2
- RAM ขนาด 6GB / 8GB
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : 128GB / 256GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : MicroSD
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC, Bluetooth 5.3, 4G, A-GPS, GPS
- ลำโพง : เฉพาะด้านล่าง
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Auxiliary Camera ความละเอียด 0.08 ล้านพิกเซล
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 1080p 30 FPS
- LED Flash
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น : ไม่ได้ระบุ
- ระบบปลดล็อค : สแกนนิ้วมือด้านข้าง / ระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 18W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
- สี Midnight Black, Navy Blue และ Clover Green
แกะกล่อง Redmi 13C
- ตัวเครื่อง Redmi 13C
- อะแดปเตอร์จ่ายไฟ 33W
- สาย USB Type-C To Type-A
- เข็มนำถาดซิมออก
- คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Redmi 13C
เริ่มต้นกับด้านหน้าของ Redmi 13C จะมาพร้อมกับการออกแบบตัวเครื่องที่ลงตัวโดยมีกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขอบหน้าจอถือว่ามี V Shape อยู่เหมือนเดิม โดยมาพร้อมกับความละเอียดหน้าจออยู่ที่ HD+ (ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล) ด้วยกัน
ส่วนบนอย่างที่บอกขอบหน้าจอเป็นแบบ V Shape จะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ส่วนล่างมีปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android สามารถเลือกได้ทั้งปุ่มปกติ หรือ การปัด โดยเปลี่ยนได้ในตั้งค่า > ค้นหาคำว่า การควบคุมหรือ Navigate
รอบตัวเครื่องจะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องทั้งหมด จะหนาสักหน่อยแต่จับถนัดมือ มาพร้อมกับถาดใส่ซิม 2 ช่อง (Nano SIM 1ช่อง + Hybrid Slot สลับได้ระหว่าง Nano SIM หรือ MicroSD)
ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่ม Power พร้อม ระบบสแกนนิ้วมือด้านข้าง และ ปุ่มเพิ่ม / ลด ระดับเสียง สามารถ Capture หน้าจอโดยการกดปุ่ม Power + ลดเสียง แต่ถ้าจะปิดเครื่อง หรือ รีสตาร์ท กด Power + เพิ่มเสียง
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร พร้อมกับไมโครโฟน
ด้านล่างติดตั้ง ไมโครโฟน, USB-C และลำโพงตัวหลักของเครื่อง
พลิกมาด้านหลังจะแตกต่างกันทันทีเพราะว่ากล้องหลังจะมีทั้งหมด 3 ตัวพร้อมกับ LED Flash การจัดวางจะเหมือนกับมีกรอบ แต่ว่าจริงๆ ไม่มีกรอบล้อมรอบครับ
น้ำหนัก / การจับถือ
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะออกแบบได้ค่อนข้างบางเฉียบอยู่ แต่น้ำหนักอยู่ที่ 192 กรัม ยังคงทำให้จับถือได้ง่าย ทั้งนี้ในเรื่องความลื่นของตัวเครื่อง แต่น่าเสียดายที่ไม่ให้เคสมา สีสันของเครื่องประกอบด้วย Midnight Black, Navy Blue และ Clover Green
การแสดงผลภาพ / ระบบเสียง
การแสดงผลของหน้าจอรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะมาแบบ IPS-LCD พร้อม 6.74 นิ้ว ความละเอียด HD+ พร้อมกับ Refresh Rate 90Hz สีสันของหน้าจอถือว่าทำได้ดีอยู่การสู้แสงถือว่าลงตัว
ส่วนระบบเสียงถือว่าดัวนี้ทำได้ดังมากพอสมควรเลย ดังนั้นใครอยากได้เครื่องเสียงดัง จัดตัวนี้ได้เลย
ประสิทธิภาพ / ลองเล่นเกม / การเชื่อมต่อ
Redmi 13C กับขุมพลัง MediaTek Heilo G85 ต้องบอกก่อนว่านี่คือ CPU รุ่นเริ่มต้น แต่ด้วยความที่ให้ความจำและ RAM เยอะ นี่ถือว่าเป็นมือถือรุ่นใหม่ที่น่าสนใจอยู่ถ้าในงบไม่เยอะมาก เรียกว่าใครจะซื้อเครื่องสำรองนี่เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะ
ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 4G, Wi-Fi AC, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS มาแบบครบครันเลยครับดังนั้นเลยไม่น่าเป็นห่วงสำหรับมือถือรุ่นนี้ แถมยังบอกพิกัด GPS ได้ทั้งอยู่ใต้สะพานหรือ ข้างบนได้รวดเร็ว
ระบบปฏิบัคิการ / ลูกเล่นและฟีเจอร์ / ระบบความปลอดภัย
Redmi 13C มาพร้อมกับ MIUI 14 ใช้พื้นฐาน Android 13 ที่มีความคล่องตัวกินพลังงานน้อย แถมยังสามารถปัดทางซ้ายเพื่อเรียกเมนูด่วนสำหรับการเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือใช้นิ้วสั่งงานเช่นการ Capture Screen เป็นต้น
นอกจากนี้เครื่องมืออื่นๆ ก็ยังมีติดตั้งมาให้เช่น Apps กระจกส่องหน้า, เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลอุปกรณ์และอื่นๆ รวมถึงบริการที่สามารถดาวน์โหลด Apps ผ่าน Google Play Store
ส่วนระบบความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วทางด้านข้าง และสแกนใบหน้าแบบ 2D และยังมีโหมดสามารถซ่อน Folder ที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นที่มายุ่งกับมือถือของเราเปิด
เปิดกล้องลองถ่ายภาพประกอบด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Auxiliary Camera ความละเอียด 0.08 ล้านพิกเซล
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 1080p 30 FPS
- LED Flash
ฟีเจอร์ที่กล้อง
สำหรับการควบคุม เรื่องกล้องแม้ว่าจะคล้ายกับ Xiaomi ในรุ่นหลังๆ แล้วแต่ยังมีลูกเล่นของกล้องที่มาครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น โหมดโปร สามารถวัดระดับน้ำและยังสามารถ และยังมีฟิลเตอร์เยอะมาก ลูกเล่นต่างๆ มีให้ครบและยังถ่ายภาพแบบโคลนได้และมีกล้องคู่ มาให้ด้วย ที่สำคัญเรื่องใส่ใจรายละเอียดเช่นการปรับรูปแบบของ Timelaspe ให้เลือกใช้ความเร็วที่ง่ายมากขึ้น แต่ว่า ปุ่มเป็นสีขาวค่อนข้างกลืนกันเวลาใช้งานจริง
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Redmi 13C
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Redmi 13C จะมีขนาด 5000 mAh เท่านั้น เมื่อทดลองใช้งานถ้าไม่ได้ใช้งานหนัก สามารถอยู่ได้เกิน 2 วัน แต่สำหรับการใช้งานหนัก อาจจะอยู่ได้ราวๆ 10 ชั่วโมง
สำหรับระบบชาร์จไฟรุ่นนี้แม้ว่าจะให้ที่ชาร์จไฟกำลัง 33W แต่ตัวเครื่องรองรับกำลังชาร์จไฟ 18W เท่านั้น
สรุปหลังลองใช้งาน Redmi 13C มาสักพักหนึ่ง
Redmi 13C จัดว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ให้สเปกโดดเด่นเรื่องความจำที่ยุคนี้ยังไงต้องเน้นเรื่องนี้ไว้เยอะๆ การทำงานถือว่าสมตัวเล่นเกมได้แน่นอน และยังมีพลังเหลือล้น ในราคา 3,999 บาท เท่านั้น เรียกว่าเช้าถึงได้แบบไม่ต้องคิดมาก ใครที่มองหามือถือไว้สำรอง หรือ ไว้ส่งต่อจับฉลากแบบไม่น่าเกลียดเกินไป รุ่นนี้ผมว่าจัดได้เลยครับ
จุดเด่น
- เครื่องจอใหญ่จับถนัดมือ
- ความจำเยอะ
- สเปกถือว่าแรงใช้ได้
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้ได้นาน
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง
ข้อสังเกต
- ไม่แถมเคสให้ในกล่อง
- ชาร์จไฟช้าไปนิด