นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรยายพิเศษ (Korea University) ในหัวข้อ “Towards a Brighter Horizon: Thai Democracy and the Future of Thai-Korea Relations” เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) ในกรุงโซล เกาหลีใต้ โดยมีรองศาสตราจารย์แจ ฮยอก-ชิน (Jae Hyeok Shin) ผู้อำนวยการ Korea University ASEAN Center ทำหน้าที่ดำเนินรายการ
ในช่วงท้ายของการบรรยายได้มีการเปิดเวทีให้ผู้เข้าร่วมฟังซักถามซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าฟังที่มีทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกาหลีและอื่นๆ ตลอดจนคนไทยที่เข้าร่วมฟังการบรรยายด้วย โดยประเด็นคำถามครอบคลุมตั้งแต่สถานการณ์การเมืองในไทย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ตลอดจนความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการจ้างงานแรงงานไทยและปัญหากระบวนการตรวจคนเข้าเมืองด้วย
และได้มีนักศึกษาได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็น ที่มีการดรามาในโซเชียลออกมาว่า ในประเทศไทยเกิด แฮทแท็กแบนเที่ยวเกาหลี เกิดขึ้น โดยในช่วงนี้ได้มีการเปิดเผยผ่าน Tiktok ท่าหนึ่ง
- คุณพ่อ หมอกฤตไท เพจสู้ดิวะ ขอส่งสารถึง นายกฯเศรษฐา ปม ฝุ่น PM 2.5
- เปิดประวัติ ‘จิตต์จรุง สิทธิพันธุ์’ คุณแม่ของ ‘ชัชชาติ’ ผู้ว่าฯ กทม.
- ป.ป.ช. ชี้แจง! ปม ‘ครูชัยยศ อมก๋อย’ – ครู ตัดพ้อ โทษหนักเหมือนฆ่าคนมา
คำถาม “เกี่ยกับ #แบนเกาหลี”
มีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง เมื่อเร็วๆนี้ใน 2 เดือนเรามีเรื่องดรามาที่เกี่ยวกับ แฮชแท็กห้ามเกาหลีในประเทศไทย ขออภัยที่พูดอย่างนั้น แต่ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าคุณเป็นผู้นำของเรา เพราะมันเกี่ยวข้องกับหลายประเด็น เช่น แรงงานในเกาหลี การท่องเที่ยวเกาหลี คุณช่วยวิเคราะห์ปัญหาได้ไหม และถ้าคุณเป็นผู้นำคุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
คำตอบ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
อย่างแรก มันเป็นแฮทแท็กที่ไม่ดีของเกาหลี อย่างที่ 2 เกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนภาครัฐ และอย่างที่ 3 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนภูมิทัษน์ทางการเมืองหรือไม่ คำถามแรก ตอบคำถามที่อาจารย์ถามว่ามีปัญหาที่อาจเกิดขึ้นใดๆ ทั้งสองประเทศต้อวทำให้ความแตกต่างแย่ลง และวิธีเดียวที่เราทำ ถ้าผมเป็นผู้นำประเทศ คือการรวบรวมข้อมูล นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ผมมาเกาหลี ถึงแม้ว่าจะถูกแบน แต่ผมก็ยังอยากมาที่นี่เพื่อเผชิญกับปัญหา แทนที่จะเพิกเฉย
ผมได้ยินมาว่า ผมจะต้องพบกับผู้นำธุรกิจเกาหลี และแรงงานไทย และหวังว่าเมื่อกลับมาผมจะได้คุยกับ รองรัฐมนตรีมูน เอกอัคราชทูตเกาหลี และไทยก่อน และผมอาจจะได้รับประทานอาหารเย็นกับพวกเขา ดังนั้น อย่างน้อยใน 2-3 วันนี้ ผมจะมีการพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อ จากนั้นผมจะเข้าใจความซับซ้อนของปัญหา