“รสนา” มองรัฐบาลออก พรบ.กู้เงิน หนุนแจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ดันตัวเลข GDP แต่เพิ่มหนี้สาธารณะให้ประเทศ อาจขัด รธน. มาตรา 40 ย้ำมีหลานส่วนมิชอบด้วยกฎหมาย
นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มองว่าโครงการนี้มีหลายส่วนที่ยังมิชอบด้วยกฎหมาย เช่นตอนนี้รัฐบาลต้องการจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยออกเป็น พรบ. เพื่อเป็นการหนุนหลัง หรือแบ็คอัพเงินดิจิทัล
แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ตามมาตรา 53 ใน พรบ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง การให้กู้เงินนั้นจะต้องพิจารณาด้วยว่า การกู้เงินจะต้องกู้ในลักษณะที่มีความจำเป็น คือเป็นกรณีเฉพาะ เป็นกรณีที่เร่งด่วน เป็นกรณีที่แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ และไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ตรงนี้ให้ไว้เป็นการเฉพาะในกรณีที่เกิดวิกฤติโดยไม่ได้คาดหมาย แต่การที่รัฐบาลรู้อยู่แล้ว และตอนนี้อยู่ในช่วงที่จะทำงบประมาณปี 2567 แต่ไปหยิบเอามาตราเฉพาะ ที่ให้สำหรับการแก้ปัญหารีบด่วนมาใช้
ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหามากว่ารัฐบาลไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ว่า กรณีการแจกเงินดิจิทัลนั้น มันมีความรีบด่วน เป็นกรณีที่แก้วิกฤติของประเทศ หรือว่ามันไม่สามารถที่จะหาเงินหรือเอาเงินจากงบประมารรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะขัดรธน.มาตรา 40 ก่อน
เพราะในมาตรา 40 ระบุไว้ชัดเจนว่าการใช้เงินแผ่นดินมีความจำเป็นต้องทำผ่านกระบวนการทางงบประมาณโดยผ่านรัฐสภาต้องมีการโหวตยอมรับ แต่การที่รัฐบาลไม่ยอมใช้พระราชกำหนด เพราะรู้ว่าจะเสี่ยงก็เลยจะออกเป็น พรบ.ขึ้นมาซึ่งก็ต้องผ่านรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลอาจจะคิดว่ามีเสียงอยู่ 320 เสียง ยังไงก็สามารถผ่านได้ในกรณีนี้
ทั้งนี้ นางสาวรสนา ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมองกรณีนี้มันอาจจะมีปัญหา และในการประชุมที่ผ่านมา ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒน์ นั้นไม่เห็นด้วย ในแง่ความเห็นของคณะอนุกรรมการบอร์ดดิจิทัลนั้นมองว่า ถ้ารัฐบาลจะแจกเงินก็ควรจะแจกกลุ่มเปราะบางเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่แจกแบบหว่านแห ซึ่งไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่นัก รัฐบาลอาจจะดัน GDP ได้ แต่ในส่วนของประเทศจะมีปัญหาจะมีหนี้สาธารณะมากขึ้นในส่วนนี้ด้วย