ของหายไม่แจ้งตำรวจ ไฮโซสาวติดกล้อง-วางเงินล้านล่อโจร ตอนจบทรุด ไม่เหลืออะไรเลย!

Home » ของหายไม่แจ้งตำรวจ ไฮโซสาวติดกล้อง-วางเงินล้านล่อโจร ตอนจบทรุด ไม่เหลืออะไรเลย!
ของหายไม่แจ้งตำรวจ ไฮโซสาวติดกล้อง-วางเงินล้านล่อโจร ตอนจบทรุด ไม่เหลืออะไรเลย!

ไฮโซสาวเอะใจ ของในบ้านทยอยหายเรื่อยๆ แต่ไม่แจ้งตำรวจ แอบติดกล่องวงจรปิด วางเงินล้านล่อโจร แต่ตอนจบถึงกับทรุด เจอผลลัพธ์อันขมขื่น!

มีคำเตือนที่ว่าอย่าเปิดเผยความมั่งคั่งของคุณให้ใครเห็น เพราะขโมยสามารถปรากฏตัวได้ตลอดเวลา นั่นหมายความว่าต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่ควรอวดอ้าง หากไม่อยากตกเป็นเป้าหมายของโจร ดังเช่นกรณีที่เพิ่งเกิดกับสาวร่ำรวยในเซี่ยงไฮ้

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2561 สภ.เซี่ยงไฮ้ ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการโจรกรรม จำนวนเงินสดและทองคำที่บุคคลนี้สูญเสียไปมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านหยวน (มากกว่า 5 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นระดับร้ายแรง

จินตี้ เจ้าของบ้านอายุ 35 ปี หญิงสาวชนชั้นสูงที่ร่ำรวย พบว่าทรัพย์สินภายในบ้านสูญหาย แต่ยังคงเชื่อว่าเธอสามารถพึ่งพาวิธีการป้องกันการโจรกรรมสมัยใหม่ เพื่อค้นหาว่าใครเอาเงินของเธอไป ดังนั้นแม้ว่าจะสูญเสียเงินจำนวนมากไปแล้วก็ยังไม่ยอมแจ้งตำรวจ แต่กลับพยายามลงมือวางกับดักเพื่อจับขโมยด้วยตัวเอง โดยไม่คาดคิดว่าแผนของเธอจะถูกหัวขโมยจับได้

โดย จินตี้ เล่าว่าเธอรู้สึกเหมือนเงินในตู้เซฟเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ก่อนมั่นใจว่ามันถูกขโมยไป อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นแทนที่จะไปแจ้งตำรวจ เธอเลือกที่จะซื้อตู้เซฟและนำเงินสดทั้งหมดไปไว้ในนั้น เพื่อทดสอบหัวใจของ “โจร”  หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เธอก็ตกตะลึงเมื่อเขาเปิดตู้เซฟ เธอจำได้ว่าใส่เงินไป 40 กองในนั้นและนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ในตู้นิรภัยเพียงเกือบ 30 กองเท่านั้น เมื่อมาถึงจุดนี้จึงเชื่อว่ามีขโมยอยู่ในบ้านของเธอจริงๆ

แต่ใครเป็นหัวขโมย? และทำไมถึงสามารถเปิดเซฟของเธอและเอาเงินไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้? จินตี้บอกด้วยว่าในฐานะ “ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง” เธอรู้สึกราวกับถูกดูถูกเมื่อโจรกล้าหยามถึงเพียงนี้ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของผู้เสียหาย ตำรวจก็ถึงกับหัวเราะออกมา จนเธอต้องอธิบายว่าการที่เธอไม่ได้รายงานต่อตำรวจในทันทีนั้น มีความเชื่อมโยงมาจากประสบการณ์ชีวิตของเธอ

จินตี้เกิดที่เซี่ยงไฮ้ และใช้ชีวิตในวัยเด็กโดยไม่ได้รับความรักจากพ่อ แม่คือคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก เลี้ยงเธอมาเพียงลำพังและส่งให้เรียนดีๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัย แม่ก็เสียชีวิตด้วยอาการป่วยหนักและเหนื่อยล้าจากการทำงาน

เนื่องจากไม่มีพ่อ จินตี้จึงถูกเพื่อนรังแกอยู่เสมอตั้งแต่แม้แต่ญาติของแม่ก็ยังดูถูกครอบครัว ทุกครั้งเธอจะวิ่งกลับบ้านและร้องไห้หาแม่เสมอ แต่ก็นึกถึงคำที่แม่เคยบอกว่า “แม้ว่าหนูจะไม่มีพ่อ แต่หนูจะไม่ด้อยกว่าพวกเขาในอนาคต หนูสามารถทำมันได้และทำได้ดีกว่าพวกเขา พยายามทำให้ดีที่สุด ลูกสาว ก้าวไปข้างหน้า”

ด้วยอิทธิพลจากคำสอนของแม่ จินตี้จึงค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นและไม่ยอมรับความล้มเหลวของตัวเอง เธอไม่ได้เลือกทำงานเป็นพนักงานบริษัทหลังจากเรียนจบ แต่ได้ก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในสาขาธุรกิจ เมื่อมีทรัพย์สมบัตมากมาย ทุกครั้งที่กลับบ้านก็จะอวดทรัพย์สมบัติให้ญาติเห็น เพราะเธออยากให้พวกเขาเห็นว่าแม่ของเธอและเธอทำงานหนักแค่ไหน และพวกเขาไม่มีสิทธิ์ดูหมิ่นครอบครัวของเธอ

จินตี้จึงคิดว่าหัวขโมยจงใจยั่วยุเธอ และเธอยังเชื่อว่าเธอสามารถจับขโมยได้ด้วยตัวเอง จึงไม่ได้เลือกแจ้งตำรวจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเงินจำนวนมากหายไปจากตู้เซฟโดยไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ ทำให้เธอนึกถึงคนคนหนึ่งนั่นคือ “เสี่ยวลี่”สาวใช้ของเธอเอง

เซียวลี่ อายุ 30 ปี มาจากเมืองกุ้ยโจว ในตอนแรก จินตี้เห็นว่าเซียวลี่เป็นคนซื่อสัตย์และไว้วางใจได้ ดังนั้นจึงจ้างเธอเป็นสาวใช้ ในเวลาเดียวกันก็รู้ด้วยว่าแม่ของเซียวลี่ป่วยหนักและต้องการเงินสำหรับการรักษาพยาบาล เมื่อ 6 เดือนที่แล้วสาวใช้ก็ขอยืมเงินไปดูแลแม่ของเธอ สิ่งนี้ทำให้เซียวลี่คือผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1

และเพื่อล่อให้สาวใช้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จินตี้จงใจนำทองคำมูลค่ากว่า 700,000 หยวน (ประมาณ 3.4 ล้านบาท) เข้าไปไว้ในตู้เซฟเพิ่มด้วย และแอบติดตั้งกล้องซ่อนไว้ที่ประตูห้อง หลังจากผ่านมา 3 วัน ในช่วงเช้าเธอพบว่าเงินในตู้เซฟหายไปคราวนี้โจรลืมปิดประตูเซฟด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีกล้องแต่จินตี้ก็ยังกลัวมาก เพราะถ้าโจรไม่ใช่สาวใช้ ทองและเงินสดมูลค่ากว่า 1 ล้านหยวน  (มากกว่า 5 ล้านบาท)  จะ “ปลิว” หายไปทันที

ในเวลานั้นจินตี้ได้แต่ภาวนาให้หัวขโมยเป็นสาวใช้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเปิดกล้องวงจรปิดเช็กภาพเหตุการณ์ เธอก็ทรุดจนล้มลงกับพื้น เนื่องจากการเชื่อมต่อของกล้องถูกตัดขาดโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอยังไม่รู้ว่าใครเข้าไปในบ้าน หรือใครเอาเงินและทองคำของเธอไปมากกว่า 1 ล้านหยวน (มากกว่า 5 ล้านบาท) ทำได้ปิดหน้าสะอื้น และจำเป็นต้องรายงานเรื่องให้ตำรวจสอบสวนทันที

 

เรื่องราวของ จินตี้ ถือเป็นบทเรียนเตือนใจสำหรับหลายๆ คน คุณไม่ควรอวดความมั่งคั่งของตนเอง และไม่ควรใช้เงินเพื่อทดสอบความโลภของผู้อื่น

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ