เปลี่ยนระบบสอบเป็น “พลเมืองอเมริกัน” คาดต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษมากขึ้น คนไม่มีความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์อเมริกัน อาจเจองานยาก
สหรัฐฯ ให้สัญชาติอเมริกันแก่ผู้สมัครมากกว่า 967,000 คนในปี 2022 ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติแห่งสหรัฐฯ หรือ (USCIS) ระบุว่า นี่เป็นปีที่มีจำนวนผู้ได้รับสัญชาติอเมริกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008
ในการที่จะเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ ได้นั้น ผู้สมัครจะต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ในฐานะผู้พำนักถาวรเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี และมีอายุมากกว่า 18 ปี หลังจากที่สมัครแล้ว ผู้สมัครขอสัญชาติจะต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ USCIS
ในการสอบสัมภาษณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการปกครองของอเมริกา และตรวจสอบภูมิหลังส่วนบุคคลของผู้สมัคร โดยผู้สมัครมากกว่า 96% สามารถผ่านการทดสอบนี้ได้
อย่างไรก็ตาม กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงการทดสอบนี้ ซึ่งอาจทำให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับผู้ที่ขาดทักษะภาษาอังกฤษ
แคโรลินน์ ควินน์ และ จอห์น ชเมลเซอร์ ช่วยสอนภาษาอังกฤษแก่คนที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองมอนต์โกเมอรี เคาน์ตี้ รัฐแมรีแลนด์ เพื่อเตรียมตัวในการสอบสัมภาษณ์เป็นพลเมืองอเมริกัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พวกเขากล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้สมัครจะต้องสามารถเข้าใจคำถามที่ผู้สัมภาษณ์ถามได้ การพูดภาษาอังกฤษในรูปประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์นั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษเพียงพอที่จะเป็นพลเมืองอเมริกันที่สมบูรณ์แบบได้
ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละชั้นเรียน ควินน์ และ ชเมลเซอร์ จะถามนักเรียนด้วยคำถามที่ง่าย ๆ เหมือนเป็นการพูดคุยแบบที่พวกเขาอาจได้ยินในการสัมภาษณ์ เช่น “วันนี้คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?” หรือ “ทำไมคุณถึงอยากเป็นพลเมืองอเมริกัน?”
ส่วนใหญ่การสัมภาษณ์จะอิงจากคำถามในแบบฟอร์มคำร้องขอแปลงสัญชาติที่เรียกว่า N-400 โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำถามส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับประวัติการทำงาน ครอบครัว และประวัติส่วนตัว
ราชพิต คาห์น ซึ่งเรียนภาษาอังกฤษกับควินน์ และสามารถสอบผ่านการสัมภาษณ์เพื่อขอสัญชาติอเมริกันในเดือนสิงหาคม กล่าวว่า การเรียนภาษาอังกฤษทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเลย แต่ตอนนี้เธอสามารถพูกคุยกับทุก ๆ คนได้
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีชาวอัฟกันย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ กันเพิ่มมากขึ้น ควินน์กล่าวว่า มีผู้หญิงอัฟกันสองสามคนเข้ามาเรียนในชั้นเรียนของเธอโดยที่ไม่เคยได้รับการศึกษาใด ๆ มาก่อนเลย ดังนั้นพวกเธอจึงไม่รู้วิธีเขียน ไม่รู้วิธีอ่าน และไม่รู้จักเสียงตัวอักษร บ่อยครั้งที่สมาชิกในครอบครัวที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีกว่าจะช่วยกรอกแบบฟอร์ม N-400 ให้ แต่คนเหล่านั้นก็จะไม่สามารถตอบคำถามในการสอบสัมภาษณ์ด้วยตนเองได้
ชเมลเซอร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในการสอบสัมภาษณ์ขอแปลงสัญชาตินั้น จะทำให้การทดสอบยากขึ้นสำหรับบรรดาคนเข้าเมืองที่อาจไม่มีความเข้าใจในเรื่องของประวัติศาสตร์อเมริกันหรือภาษาอังกฤษมากนัก
การเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้น คือการเพิ่มการทดสอบการพูดเพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยเจ้าหน้าที่จะแสดงภาพถ่ายสามภาพ และผู้ให้สมัครบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงการสอบสัมภาษณ์กำลังได้รับการทดสอบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และ USCIS จะรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการทดสอบดังกล่าวก่อนสิ้นปีนี้