วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันสิ้นสุดฤดูร้อน โดยเชื่อว่ามีที่มาหรือต้นกำเนิดจากเทศกาลดั้งเดิมของชาวเคลต์ (Celts) ที่มีชื่อว่า Samhain อ่านว่า “SAH-win” หรือ “ซาห์-วิน” ซึ่งมักจะมีขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน เพื่อฉลองจุดสิ้นสุดของฤดูกาลเก็บเกี่ยว รวมทั้งการเตรียมพร้อมรับมือกับช่วงมืดของปี และยังถือว่าเป็นวันปีใหม่ของชาวเคลต์อีกด้วย
- จับมือหวานใจดู ฝนดาวตกโอไรออนิดส์ จาก ดาวหางฮัลเลย์ 21-22 ต.ค. 66
- เปิดความหมายผลไม้ 5 อย่าง เสริมทั้งดวง เสริมทั้งสุขภาพ By. ป้าชิ ดวงD
- เช็กเลย! วันหยุด วันสำคัญ เดือนตุลาคม 2566 ไปเที่ยวไหนดี?
ที่มาของ วันฮาโลวีน
ชื่อของ วันฮาโลวีน Halloween นั้นคาดว่าเพี้ยนมาจากคำว่า All Hallows Eve ซึ่งเป็นเทศกาลฉลองวันก่อนวันสมโภชนักบุญของศาสนาคริสต์ ในช่วงศตวรรษที่ 9 พระศาสนจักรคาทอลิก (Catholic Church) ได้นำเอาเทศกาลฉลอง All Saints Day ที่มีขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน เข้ามายังดินแดนเคลติก โดย All Saints Day มีอีกชื่อว่า Hallows Eve ซึ่งได้กลายมาเป็นชื่อเทศกาล Halloween ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ในที่สุด ธรรมเนียมปฏิบัติบางส่วนของทั้งเทศกาล Samhain และ Hallows Eve ได้ถูกนำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า กำแพงที่ปิดกั้นระหว่างโลกปัจจุบันและโลกหน้าหรือโลกแห่งจิตวิญญาณได้หายไปในช่วงเทศกาล Samhain นี้ ส่งผลให้มีการโคจรมาพบกันระหว่างผู้คนและเหล่าวิญญาณต่าง ๆ และก่อให้เกิดความเชื่อว่าการสวมชุดและหน้ากากผี เพื่อแฝงตัวเป็นวิญญาณร้ายจะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายและทำให้หลีกเลี่ยงภัยอันตรายได้ รวมทั้งยังมีการรวมตัวกันรอบกองไฟและส่งเสียงดังเพื่อไล่วิญญาณร้ายออกไป
อีกความเชื่อหนึงของ วันฮาโลวีน คือ เป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็น หรือโลกแห่งวิญญาณและโลกแห่งมนุษย์ จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อเข้าสิง เพื่อที่วิญญาณนั้นจะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ คนจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะป้องกันไม่ให้วิญญาณมาเข้าสิงร่างของตน ด้วยการแต่งกายคล้ายผี ปิดไฟทุกดวงในบ้าน กาลเวลาผ่านไปความเชื่อเรื่องผีสิงร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนจึงกลายเป็นเพียงพิธีการแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาด และจะเป็นเทศกาลประจำปีมาจนทุกวันนี้
หัวฟักทอง สัญลักษณ์ของ วันฮาโลวีน
การแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ หรือ “Jack-o’-Lantern”
ธรรมเนียมการแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟนั้นมีที่มาจากตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช เกี่ยวกับชายที่ชื่อว่า Stingy Jack หรือแจ๊กจอมขี้เหนียว ที่หลอกล่อปีศาจด้วยกลโกงต่าง ๆ ให้ปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ พอแจ็กเสียชีวิต พระเจ้าไม่ยอมให้เขาขึ้นสวรรค์เพราะมีความคิดไปในทางชั่วร้าย ส่วนปีศาจก็โกรธแจ็กและไม่ยอมให้เขาลงนรก พร้อมส่งให้แจ็กออกเดินทางไปยังโลกมืดโดยมีแต่ถ่านเพื่อจุดไฟนำทาง ตำนานเล่าต่อไปว่าแจ็กได้เอาถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวงเป็นโคมไฟ และยังออกเดินทางไปทั่วตั้งแต่นั้นมา
ในประเทศไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ ผู้คนได้นำเอาหัวผักกาดเทอร์นิพหรือมันฝรั่งมาทำโคมไฟของแจ็ก พร้อมกับแกะสลักหน้าที่น่ากลัว แล้ววางไว้ริมหน้าต่างหรือใกล้ ๆ กับประตู เพื่อระลึกถึง “การหยุดยั้งความชั่ว”
กิจกรรมและการฉลอง วันฮาโลวีน ในปัจจุบัน
การเล่น Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยง)
การเล่น Trick or Treat เป็นการละเล่นยอดนิยมของเด็ก ๆ ในวันฮาโลวีน โดยเด็ก ๆ มักจะแต่งตัวเลียนแบบภูตผีปีศาจ แล้วออกไปตามบ้านเพื่อเคาะประตูแล้วกล่าวคำว่า “Trick or Treat” หากเจ้าบ้านไม่เลี้ยง หรือ Treat (ส่วนใหญ่จะเป็นขนม ช็อกโกแลต หรือลูกอม) ตามที่เด็ก ๆ ร้องขอ เด็ก ๆ ก็จะก่อกวนเจ้าบ้านหรือบริเวณที่พักอาศัย หรือ Trick นั่นเอง ซึ่งในบางพื้นที่ของประเทศไอร์แลนด์และสกอตแลนด์เด็ก ๆ จะร้องเพลง หรือเล่าเรื่องผีเพื่อให้เจ้าบ้านยอม Treat
ปัจจุบันการฉลองวันฮาโลวีนนั้นก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยมีการจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน เด็ก ๆ อาจแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจเพื่อเล่น Trick or Treat ส่วนผู้ใหญ่ก็หันมาแต่งตัวแนวแฟนซีปาร์ตี้เพื่อพากันออกไปงานฉลองวันฮาโลวีน
นอกจากกิจกรรม Trick or Treat และงานปาร์ตี้แล้ว ผู้คนยังนิยมแกะสลักฟักทองเป็น Jack-o’-Lantern สำหรับผู้ใหญ่ บางคนก็เลือกที่จะดูหนังสยองขวัญเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลอีกด้วย
อาหารและเครื่องดื่มในวันฮาโลวีนนั้นจะเน้นไปที่สีหลักประจำการฉลองวันฮาโลวีน ซึ่งก็คือสีส้มและสีดำ หรือสีแดง (แทนเลือด!) รวมทั้งฟักทอง ไม่ว่าจะเป็นพายฟักทองหรือซุปฟักทอง และยังมีทอฟฟี่แอปเปิล (แอปเปิลเคลือบน้ำตาล)
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY