30 กันยายน 2566 เวลา 08.00 น. ร้อยตำรวจเอก วีรยุทธ ร้องหาญแก้ว รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการผูกคอ ภายในห้องเช่า ย่านประชาอุทิศ จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดภายในหอพักในซอย ประชาอุทิศ 33 แยกย่อย ซอยที่ 10 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะอาคาร 2 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า มีทั้งหมด 16 ห้อง แบ่งเป็นชั้นบน 8 ห้อง ชั้นล่าง 8 ห้อง เหตุเกิดบริเวณชั้นล่างสุดของตัวอาคารดังกล่าว จากการตรวจสอบบริเวณด้านหลังห้องดังกล่าว พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อนาย ไพรวัลย์ อายุ 41 ปี อยู่ในสภาพยืนห้อยตัวอยู่กับเหล็กดัดด้านหลังห้อง โดยใช้ลวดไม้แขวนเสื้อสีแดงผูกรัดอยู่ที่คอกับเหล็กดัด การแต่งกายสวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีเขียว กางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมรองเท้า ภายในห้องไม่พบร่องรอยจากการถูกรื้อ ค้น และไม่พบร่องรอยจากการต่อสู้
จากการสอบถาม นางสาว นภาพร อายุ 38 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตกล่าวว่า เมื่อคืนตนกับผู้เสียชีวิตทะเลาะกัน และบอกกับเจ้าของบ้านเช่าไปแล้วว่าจะย้ายออก เพราะสามีไม่ยอมทำงานทำการ ในเมื่อคุณไม่ทำงาน ตนเลี้ยงลูกตอนนี้อยู่ด้วยกัน 3 คน คนโตไปทำงานแล้ว ตนก็เลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหว ส่วนสามีก็เอาแต่นอนๆและก็กิน ตนก็เลยรู้สึกว่าไม่ไหวเพราะต้องหาเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ก็เลยขอเลิก แล้วผู้ตายก็บอกว่าถ้าเลิกกันไปแล้วไปมีสามีใหม่อยู่ที่ไหนก็จะตามไปเผาตรงนั้น เมื่อคืนก็ก่อเหตุเอามีดมาจะฟัน แต่เจ้าของบ้านมาก็เลยบอกว่าให้พาลูกไปอยู่กับพี่ชายก่อน ที่ผ่านมาตนอยู่ด้วยกันกับสามีมานานแล้วตั้งแต่ตนอายุ 18 ปี จนมีลูกด้วยกัน 4 คน เขาทำงานก่อสร้างเมื่อก่อนเป็นคนดีรักครอบครัวตั้งแต่ช่วงโควิด เขาติดยา เคยเอามีดไล่ฟันหนูมาแล้วรอบนึง พอมาย้ายมาอยู่นี้ตนก็ทำงานคนเดียวเป็นหนี้เป็นสิน แต่เขาก็เอาแต่นอน ตนก็เคยพูดอยู่ว่าตนไม่เคยมีผัวใหม่ แต่เขาก็ชอบคิดว่าหนูจะไปมีผัวใหม่ มันว่านัดกันไปเอากันที่โรงแรม หนูก็บอกว่าไม่เคยมีเป็นหนี้เป็นสินก็หาคนเดียวแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีคนใหม่ เขาก็เอาแต่นอน บางทีหนูก็ต้องเอาลูกไปเลี้ยงด้วยทำงานไปด้วย พอมีลูกคนเล็กตอนคลอดก็ไม่มีเงินออกจากโรงพยาบาล ลูกชายคนโตต้องหาเงินไปจ่ายค่าโรงพยาบาล หนูก็อายเขาเถ้าแก่เขาก็ว่าหาแต่เงินเลี้ยงผัว หนูก็ไม่ไหว
และจากการสอบถามจาก นาย รินนา อายุ 45 ปี เป็นเพื่อนร่วมงานกล่าวว่า ตนกับผู้ตายเป็นเพื่อนกันแล้วก็มาตามไปทำงานทุกวันตอน 8 โมงเช้า แต่วันนี้มาถึงก็พบว่าเขายืนอยู่ด้านหลังห้องแล้วตนก็ตะโกนด่าว่าทำไมไม่รับไลน์ แล้วก็ยืนพูดอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาพอเดินไปดูใกล้ๆก็เห็นมีเชือกอยู่ที่คอพอไปจับตัวก็แข็งแล้ว
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดโทรศัพท์ของตนให้ดูบทสนทนากันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาพร้อมเปิดคลิปเสียงที่ผู้ตายส่งบอกลา มีใจความว่า ” พรุ่งนี้ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องให้ลูกบวชให้กู เดี๋ยวกูจะขอแค่ว่าไม่เป็นไรหรอกแต่ไม่ต้องให้ลูกบวชให้กู แค่กูขอลาก่อนนะบ้ายบาย “
และจากการสอบถามจาก น้อง ก๊อป ( นามสมมุติ ) อายุ 13 ปี เป็นลูกชายคนที่ 2 ของผู้ตาย กล่าวว่า พ่อมาหาตอนช่วงประมาณตี 2 ตี 3 มาแบบเป็นเงาดำๆ ตอนแรกก็มีแบบว่าเป็นอะไรไม่รู้เดินรอบห้อง ได้ยินเขามาบอกว่าขอโทษ ตอนแรกตนก็บอกว่า เข้ามาทำอะไรเป็นใคร ต้องการอะไร เขาก็บอกขอโทษ แล้วตนก็เห็นหน้าพ่อแบบจางๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาผูกคอตายแบบนี้ ตอนที่เห็นเขารู้สึกแน่นหน้าอกอยากจะอาเจียน ไม่ค่อยจะเห็นเหตุการณ์แบบนี้แต่จะมีอยู่ครั้งนึงเมื่อตอนที่ตนป่วยอยู่โรงพยาบาลก็เคยเห็นแบบนี้เหมือนกันก็มีความรู้สึกเดียวกันคือแน่นหน้าอก จะอาเจียร ก็เลยคิดว่าตนน่าจะมีจิตสัมผัสกับเรื่องแบบนี้ และตอนนี้ก็ให้อภัยพ่อทุกอย่างเขาคิดได้แล้วก็ให้อภัยเขา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจากสภาพศพแล้วจึงสันนิษฐานว่าผู้ตายเสียชีวิตด้วยการขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ ภายในสถานที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยจากการต่อสู้หรือถูกรื้อค้น และสภาพร่างผู้เสียชีวิตไม่พบบาดแผลใดๆจากการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนทางญาติก็ไม่ได้ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตจึงลงความเห็นให้มอบญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนทางญาติจะนำร่างผู้เสียชีวิตไปตั้งสวดศพที่วัดบางมดโสธาราม เป็นเวลา 1 คืน และจะทำพิธีฌาปนกิจทันทีในพรุ่งนี้ เนื่องจากทางญาติมีฐานะยากจนจึงขอความอนุเคราะห์จากทางวัดให้ช่วยดำเนินการให้แบบประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้