รองหนึ่ง เปิดใจอีกครั้ง หลัง “มินนี่” เปิดหน้าสู้ แจงสัมพันธ์ ลั่นความจริงก็คือความจริง รับติดใจเรื่องภาพหลุด
วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต สื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักเฝ้ารอสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่ยังไร้วี่แววไม่สามารถติดต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ และจากการสอบถามทีมงานก็แจ้งเพียงว่ามาสแตนบายตามปกติ ยังไม่มีภารกิจใดๆ
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ทางโทรศัพท์ ระบุว่า ภายหลังจากที่ มินนี่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้
ตนยืนยันข้อเท็จจริงก็เป็นตามนั้น ความสัมพันธ์ก็เป็นไปตามคำพูดของน้องเขา ส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่กำลังต่อสู้ให้หรือไม่นั้น ตนเองมองว่า คงไม่เป็นไรเพราะน้องเขาคงพูดความจริงทั้งหมด เพราะความจริงก็คือความจริง
ส่วนกรณีน้องมินนี่อ้างตอนถูกจับแล้วถูกตำรวจ PCT 4 บังคับให้เขียนยอมรับว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ เกี่ยวข้องด้วยนั้น พอวันที่น้องมินนี่ถูกจับ ตนก็ยังไม่ได้คุยกับน้องมินนี่อีกเลย และพอตนได้ฟังจากที่มินนี่ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพนั้น
ก็มองว่าความเสียหายจะเกิดขึ้น 2 ส่วน ส่วนแรกน้องเขาต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับ ถูกอะไรก็ตามตามที่เขากล่าว และอีกส่วนคือ ภาพที่หลุดออกมาเขาก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจ แล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีเท่านั้น
และการออกมาเปิดเผย มันจะคิดเป็นเจตนาอื่นยังไง และอีกคนที่เสียหายคือตนและครอบครัว ซึ่งในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมาก็ลองคิดดูว่าเจตนาของเขาคืออะไร คงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่ตนเองมองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย
เมื่อถามว่ามีการวางแผนหรือทำให้เสียหายหรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่มินนี่ถูกจับกุมในช่วงเดือน ก.ค.
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า คงไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้น หากมีพยานหลักฐานก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนเองเป็นตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ตนเองติดใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่างๆตั้งแต่เริ่มต้น และพอตนเองยิ่งมาฟังที่มินนี่ให้สัมภาษณ์อีกก็มองว่า มินนี่คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก
ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับมินนี่ เพื่อหารือทิศทางการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนเองกับมินนี่คงแยกกัน เพราะคดีของเขาว่าไปแล้ว คดีของตนเพิ่งเริ่ม ซึ่งก็ต้องดูในอนาคตและตนเองก็คงต้องให้ทนายดำเนินการต่อไป