เผาแล้ว 3 แม่ลูก โรงเรียนแบ่งเงินบริจาค 3 แสน ให้ครอบครัว แจงทำไมไม่ยกเงินบริจาค 2.3 ล้านไปใช้หนี้

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 เวลา 14.00 น. ที่วัดถนนงาม ม.1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการฌาปนกิจศพ น.ส.วิภาพร อายุ 45 ปี ด.ช.บุณญานนท์ อายุ 13 ปี ลูกชายคนโต และ ด.ช.ปุณณพัตน์ อายุ 9 ปี ลูกชายคนเล็ก ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูก นายสาณิช อายุ 43 ปี ผู้เป็นสามีและพ่อก่อเหตุ ฆ่าปาดคอทั้ง 3 ศพ และใช้มีดปาดคอเพื่อหวังจบชีวิตตาม แต่รอดตายบาดเจ็บสาหัส เพื่อหนีปัญหาบ้านจะถูกยึด จากการค้ำประกันเงินกู้ และเสียรู้แอปเงินกู้ ถูกหลอกโอนไปกว่า 1.7 ล้านบาท ภายในงานพิธีมีญาติพี่น้อง และประชาชนที่รู้เรื่องในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมพิธีจนแน่นลานวัด

• พ่อฆ่ายกครัว 3 แม่ลูก แต่ตัวเองไม่ตาย สลดซ้ำแอปเงินกู้หลอกเงินไปหมด ไร้เงินทำศพ

โดยหลังจากพิธีสวดมาติกาบังสุกุลเป็นที่เรียบร้อย ได้มีการเคลื่อนศพทั้ง 3 ออกจากศาลาไปยังสถานที่ฌาปนกิจศพ เพื่อประกอบพิธีทอดผ้าบังสุกุล พิธีมอบเงินบริจาคให้กับหน่วยงานต่าง ๆ โดยโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ มอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลคลองขลุง จ.กำแพงเพชร เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และ มอบเงินอีกจำนวน 1 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ, มอบเงิน 3 หมื่นบาทบำรุงวัดถนนงาม มอบเงินจำนวน 5 หมื่นบาทให้นายสุรศักดิ์ พ่อบุญธรรมของ น.ส.วิภาพร และมอบเงินจำนวน 310,244.69 บาท ให้นายพิเชษฐ์ พี่ชายของนายสาณิชผู้ก่อเหตุ ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินจาคผู้มีจิตศรัทธามอบให้เพื่อบำเพ็ญกุศล ให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ

ดร.วัชรินทร์ โตขาม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาสมุทรปราการ เปิดเผยว่า นอกจากมาร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของทั้ง 3 ชีวิตวันนี้แล้ว สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาสมุทรปราการและโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ ยังได้นำเงินที่ได้จากการเปิดรับบริจาค มามอบให้กับหน่วยงาน ทั้งโรงพยาบาล วัด และครอบครัวผู้เสียชีวิต และครอบครัวผู้ก่อเหตุให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต

ส่วนที่มีคนถามว่าทำไมไม่เอาเงินไปใช้หนี้ที่ผู้ตายยืมมานั้น ต้องบอกว่าเจตนารมณ์ในการรับบริจาคของเราคืออะไร หากเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะไม่เหมาะสมและผิดกฎหมายในการเปิดรับบริจาค อยากขอบคุณทุกท่านที่ร่วมบริจาคในครั้งนี้มา ณ ที่นี้ด้วย โดยปิดรับบริจาคไปในทันที ในยอด 2,390,244.69 บาท ซึ่งก็อยากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ใช้สติและระมัดระวังกลโกงของมิจฉาชีพ ที่มีจำนวนมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก