เมื่อได้ยินคำว่า ‘งานอดิเรก’ เชื่อว่าใครหลายก็อาจรู้สึกไม่ต่างกันว่า ‘แค่ทำงานทั้งวันก็เหนื่อยแล้ว จะเอาพลังงานและเวลาจากที่ไหนไปทำงานอดิเรกได้’
อย่างไรก็ดี แม้แต่ละคนจะมีวิธีการจัดสรรเวลาว่างได้ไม่เหมือนกัน แต่หากลองนำเวลาว่างบางส่วนมาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ อีกสักนิด ไม่แน่ว่าอาจทำให้ค้นพบตัวตน ความรู้สึก ความชอบ ตลอดจนสุขภาพกายใจที่ดีขึ้นจากงานอดิเรกได้เช่นกัน
แต่จะแบ่งเวลามาทำงานอดิเรกได้อย่างไร ประโยชน์ของงานอดิเรกนั้นดีต่อใจเหมือนที่ใครบอกไว้ไหม แล้วประเภทของงานอดิเรกแบบไหนถึงจะส่งผลดีต่อชีวิต มาหาคำตอบได้ในบทความนี้กัน
4 ประโยชน์ของงานอดิเรกที่หลายคนยังไม่รู้
ตามนิยามแล้ว งานอดิเรกหมายถึงกิจกรรมยามว่างซึ่งจะมีประโยชน์แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ เช่น งานอดิเรกบางประเภทสามารถช่วยทำให้ผ่อนคลายความเครียด ทำแล้วรู้สึกสบายใจและได้เพิ่มสมาธิ ในขณะที่งานอดิเรกบางประเภทเป็นการฝึกสกิลให้ชำนาญ จึงทำให้หลายคนต้องโฟกัสเป็นพิเศษจนทำให้ต้องใช้สมาธิไม่ต่างจากการทำงานเลยทีเดียว
อาจกล่าวได้ว่า ประโยชน์ของงานอดิเรกนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของงานอดิเรกที่เลือกทำ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อทำงานอดิเรกที่สนใจอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตในหลายแง่มุม ดังนี้
1. ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์
หลาย ๆ ครั้งการทำงานอดิเรกสามารถช่วยให้เราออกจาก Comfort Zone ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรียนรู้ทักษะและแนวความคิดใหม่เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการฝึกสมองให้ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ นอกกรอบ ที่สำคัญ งานอดิเรกบางประเภทยังมุ่งเน้นไปที่การออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการทางความคิด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยฝึกความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เสริมสร้างสมาธิ
แม้จะไม่ได้นั่งสมาธิโดยตรง แต่การทำงานอดิเรกก็ถือเป็นการฝึกสมาธิรูปแบบหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากการทำงานอดิเรกจะต้องโฟกัสกับสิ่งที่ทำในช่วงเวลาหนึ่ง แต่นอกจากจะช่วยฝึกสมาธิแล้ว การทำงานอดิเรกอย่างต่อเนื่องยังช่วยฝึกการบริหารจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานและชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
3. เสริมสร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
การทำงานอดิเรกที่เราชอบ สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพใจให้แข็งแรงได้ เนื่องจากเราจะรู้สึกสนุกไปกับสิ่งที่ทำ ทำให้เกิดความผ่อนคลายจากอารมณ์และความเหนื่อยล้าต่าง ๆ นอกจากนี้ งานอดิเรกบางประเภท เช่น การออกกำลังกาย ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาวได้อีกด้วย
4. รายได้เสริม
ประโยชน์ของงานอดิเรกไม่ได้จำกัดอยู่แค่อารมณ์ ความรู้สึก ตลอดจนสุขภาพกายและใจเท่านั้น แต่บนโลกนี้ยังมีประเภทของงานอดิเรกที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำกาแฟขายในช่วงวันหยุด การเปิดสอนงานศิลปะ การทำสบู่ เทียน และเครื่องหอมขาย ไปจนถึงการสร้างงานศิลปะเพื่อนำไปขายต่อในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งการแปลงเป็นโทเคนดิจิทัล ไปจนถึงการขายงานดีไซน์เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้งานต่อ
3 เคล็ดลับจัดเวลาทำงานอดิเรกแบบง่าย ๆ
แม้ทุกคนจะมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่การงาน ภาระหน้าที่ ตลอดจนเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตที่แตกต่างกันอาจทำให้ใครหลายคนไม่สามารถหาเวลามาทำงานอดิเรกได้ตามที่ต้องการ
สำหรับใครที่พอทราบถึงประโยชน์ของงานอดิเรกบ้างแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะจัดสรรเวลาไปทำงานอดิเรกได้อย่างไรบ้าง มาดูเคล็ดลับการจัดเวลาทำงานอดิเรกง่าย ๆ กัน
1. เลือกเวลาที่สะดวกก่อนเสมอ
การจะได้รับประโยชน์ของงานอดิเรกได้อย่างเต็มที่ จำเป็นจะต้องทำงานอดิเรกในเวลาที่ไม่รู้สึกเครียด หรือ มีภาระผูกพันจนทำให้ไม่สามารถโฟกัสกับงานอดิเรกได้ โดยทุกคนอาจเริ่มต้นจากการเลือกทำงานอดิเรกในเวลาที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน ระหว่างพัก ช่วงสุดสัปดาห์ที่ว่างจากภาระต่าง ๆ หรือจะเลือกทำงานอดิเรกในเวลาที่สะดวกก็ได้เช่นกัน
2. แบ่งเวลาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
การทำงานถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของชีวิตที่ต้องใช้เวลาและพลังงาน ซึ่งหลาย ๆ ครั้ง หากบริหารจัดการงานได้ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เวลาและพลังงานในชีวิตหมดไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการหาเวลาทำงานอดิเรกบ้าง อาจลองเริ่มต้นจากการแบ่งเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้น
เช่น ลองใช้โมเดลการแบ่งงานแบบ Eisenhower Matrix ที่จะแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วนตามความเร่งและความสำคัญของงาน โดยแต่ละส่วนจะมีรายละเอียดดังนี้
งานสำคัญ และ ด่วนเป็นงานที่ต้องลงมือทำทันที | งานเร่ง แต่ไม่ด่วนเป็นงานที่บริหารจัดการทีหลังได้ |
งานไม่สำคัญ แต่ด่วนเป็นงานที่มอบหมายให้ผู้อื่นช่วยได้ | งานไม่สำคัญ และไม่ด่วนเป็นงานที่ทำเมื่องานอื่น ๆ เสร็จเรียบร้อย |
Eisenhower Matrix เป็นโมเดลจัดเวลาการทำงานที่ได้รับความนิยมในระดับสากล ทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้กับการทำ To-Do List ในแต่ละวันได้อีกด้วย แม้บางคนอาจจะรู้สึกไม่สะดวกเมื่อลองนำมาใช้งานในครั้งแรก ๆ แต่หากลองเปิดใจใช้งานไปเรื่อย ๆ อาจทำให้สามารถจัดการเวลาในการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
3. บริหารพลังงานในแต่ละวันให้เหมาะสม
ไม่เพียงแต่จะต้องบริหารจัดการเวลาในการทำงานเท่านั้น การเข้าใจวิธีบริหารพลังงานตัวเองในแต่ละวันก็ช่วยทำให้ได้ออกไปทำงานอดิเรกใหม่ ๆ และรับประโยชน์ของงานอดิเรกได้เช่นกัน
นอกจากการเบรกทานข้าวเที่ยง หรือ การเข้านอนแล้ว ทุกคนยังควรแบ่งเวลาให้สมองและร่างกายได้พักเป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายและสมองมีพลังงานเหลือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ในช่วงท้ายวัน หรือ ท้ายสัปดาห์
เช่น แบ่งเวลาตาม Pomodoro Technique ที่จะแบ่งเวลาทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที ทำต่อเนื่องจนครบ 4 รอบ และกำหนดเวลาเบรกยาว 20 นาที ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้น Productivity ในการทำงานเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการบริหารพลังงานในการทำงาน ทำให้มีพลังงานเหลือท้ายวัน หรือ ท้ายสัปดาห์ ทำให้รู้สึกอยากจะไปทำงานอดิเรกอย่างที่ต้องการต่อได้
5 ประเภทของงานอดิเรกที่อาจเปลี่ยนชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว!
สำหรับใครยังไม่เคยทำงานอดิเรกมาก่อนและสงสัยว่างานอดิเรกมีอะไรบ้าง ควรเริ่มต้นทำงานอดิเรกแบบไหนดี ลองมาเช็ก 5 ประเภทของงานอดิเรกที่ส่งผลดีต่อชีวิตกัน
1. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตด้วย โดยการออกกำลังกายนั้นถือเป็นการลดความเครียดของร่างกาย ทั้งยังช่วยฝึกโฟกัสได้เป็นอย่างดี ต่อสู้กับจิตใจ ตลอดจนได้พูดคุยกับผู้คนใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
CEO ของ Meta อย่าง Mark Zuckerberg เองก็ชอบวิ่งเป็นงานอดิเรก และได้นำมาปรับใช้เป็น Walking Meeting ที่ใช้กับการทำงานได้จริง นอกจากนี้ Mark Zuckerberg ยังได้ลองเล่นกีฬาทางน้ำอย่าง Hydrofoiler ที่ผู้เล่นจะต้องโฟกัสการทรงตัวและอาศัยทักษะหลายด้าน ซึ่งการลองทำงานอดิเรกชิ้นนี้สามารถช่วยให้ CEO ของ Meta ได้เรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดเพื่อนำมาพัฒนาตนเอง และนำไปใช้กับการทำธุรกิจในอนาคต
2. เลี้ยงสัตว์
แม้จะต้องปวดหัวกับความซุกซนของสัตว์เลี้ยงอยู่บ้าง แต่จากผลการศึกษาพบว่า การกอดและสัมผัสสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยลดฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มความผ่อนคลายจากการหลั่งฮอร์โมนโดปามีนและออกซิโทซินที่เพิ่มขึ้น
ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายเท่านั้น แต่การเลี้ยงสัตว์ยังช่วยคลายเหงา ลดความเบื่อหน่ายในพื้นที่อยู่อาศัย ทั้งยังช่วยให้เจ้าของมีกำลังใจในการใช้ชีวิตได้มากขึ้นด้วย ถือเป็นประเภทของงานอดิเรกที่ตอบโจทย์การสร้างสุขภาพใจที่แข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ทำอาหาร
การทำอาหารเป็นหนึ่งในประเภทของงานอดิเรกที่ต้องใช้ทั้งเวลา ต้นทุน และความพยายามในการฝึกฝน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกวัตถุดิบ เครื่องปรุง และสไตล์การปรุงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ใครหลายคนออกจากกรอบอาหารแบบเดิม ๆ ทำให้รู้จักและได้เพิ่มประสบการณ์ทางอาหารรูปแบบใหม่ ซึ่งช่วยทำให้ผ่อนคลายและยังเป็นการใช้เวลาร่วมกับคนที่รักได้เป็นอย่างดี
4. เล่นหมากรุก
หากใครอยากรู้ว่างานอดิเรกมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ ขอแนะนำให้ลองศึกษาและใช้เวลาในการเล่นหมากรุกดู โดย CEO ของ Virgin Group อย่าง Richard Branson กล่าวไว้ว่า การเล่นหมากรุกถือเป็นงานอดิเรกที่ผสานหลายศาสตร์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวางแผน การฝึกตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งยังช่วยให้เรียนรู้จากผู้เล่นหลายแบบ นอกจากนี้ ในระหว่างการเล่นหมากรุก ทุกคนยังสามารถดื่มด่ำกับอาหาร และบรรยากาศรอบตัว ถือเป็นอีกหนึ่งงานอดิเรกที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนเลยทีเดียว
5. ทำงานฝีมือ
การฝึกทำงานฝีมือ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังช่วยฝึกสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน นอกจากนี้ การฝึกทำงานฝีมือใหม่ ๆ ยังถือเป็นการฝึกต่อสู้และเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ นำมาซึ่งความภูมิใจ ความสนุก และการได้ค้นพบตัวตนใหม่จากการลองทำงานฝีมือ หากยังไม่แน่ใจจะทำงานฝีมือแบบใด ลองเริ่มต้นง่าย ๆ จากการปลูกต้นไม้ การทำสบู่หรือของใช้ภายในบ้าน ไปจนถึงการถักผ้าพันคอและการผสมเครื่องดื่มแบบบาร์เทนเดอร์
จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของงานอดิเรกนั้นสามารถช่วยเปลี่ยนชีวิตไปทีละน้อย ทั้งยังช่วยให้ใครหลายคนรู้สึกพอใจกับชีวิตและสร้างความสุขให้กับตัวเองได้มากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่ยังจัดสรรเวลาทำงานอดิเรกไม่ได้ อาจลองเริ่มต้นจากการปรับเวลาในชีวิตดูทีละนิด ไม่แน่ว่าอาจทำให้ได้พบงานอดิเรกใหม่ ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้ในทุกแง่มุม
สำหรับใครที่กำลังมองหางานอดิเรกแบบใหม่ มาอัปเดตเทรนด์การใช้ชีวิตให้ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมทันทุกข่าวไลฟ์สไตล์ล่าสุดก่อนใครง่าย ๆ เพียงติดตามช่องข่าวไลฟ์สไตล์จาก Bright TV เอาไว้ให้ดี!