อาการของโรคฝีดาษลิงที่สังเกตได้เป็นอันดับแรกๆ คือ มีไข้ และตุ่มหรือผื่นที่เกิดขึ้นในร่างกาย
ฝีดาษลิง คืออะไร
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายว่า โรคฝีดาษลิง เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส orthopoxvirus เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนที่พบได้น้อย โรคนี้พบมากในแอฟริกากลาง และตะวันตก โดยเชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคน และฝีดาษวัว พบในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะหลายชนิด เช่น หนู กระรอก กระต่าย เป็นต้น สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงก็อาจติดเชื้อได้ รวมทั้งคนก็สามารถติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน
อาการของโรคฝีดาษลิงในคน
- มีไข้ หนาวสั่น
- ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
- อ่อนเพลีย
- จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา อวัยวะเพศ ใบหน้า หรือลำตัว
- จากผื่น จะกลายเป็นตุ่มหนอง
- ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา
ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคหลังติดเชื้อประมาณ 12 วัน
ตุ่ม-ผื่นแบบไหน สงสัยเป็น “ฝีดาษลิง”
ลักษณะของผื่นจะเริ่มจาก จุดแดงๆ กลมๆ หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็น ตุ่มน้ำใส และ กลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด ในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงที่ผื่นเป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงสุด หากผื่นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะถือว่าพ้นจากระยะการแพร่เชื้อ ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ทำให้หลังจากผื่นตกสะเก็ดจะทำเกิดรอยโรคหรือรอยแผลเป็นได้
เมื่อพบว่าตัวเองมีไข้ มีผื่นขึ้นในลักษณะดังกล่าว บวกกับเป็นผู้มีความเสี่ยง เช่น เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ข้องเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ใกล้ชิดกับผู้ป่วยต้องสงสัยโรคฝีดาษลิง รวมถึงมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ควรพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจอย่างละเอียด และรับการรักษาอย่างถูกต้อง
- ฝีดาษลิง คืออะไร มีอาการอย่างไร ติดต่อ-แพร่เชื้อได้อย่างไร
- “ฝีดาษลิง” กับ 5 เรื่องควรรู้ พบเร็วลดเสี่ยงแพร่ระบาดได้
- แบบทดสอบ คุณเสี่ยง “ฝีดาษลิง” มากน้อยแค่ไหน