“เศรษฐา”ลงพื้นที่พังงาพบผู้ประกอบการฟังแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ เผยไอเดีย ครม. สัญจรคณะย่อย ทำงานคล่องตัวได้ประโยชน์มากกว่า ลั่นไม่ได้มาเพราะการเมือง แปลกใจพังงาไม่มีนายกฯ โผล่มา 10 ปีแล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล คณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบปะพูดคุยผู้ประกอบการ ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดพังงา รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness) ในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ที่โรงแรม ทุย บลู เขาหลัก รีสอร์ท
โดยตัวแทนผู้ประกอบการได้สะท้อนปัญหา และความต้องการในการฟื้นการท่องเที่ยวที่จังหวัดพังงา ทั้งการขอให้ช่วยแก้ไขเรื่องการลดค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวยุโรปแพงขึ้น30-40% พิจารณาเพิ่มเที่ยวบินลองฮอล พิจารณาสร้างสนามบินที่จังหวัดพังงา รวมถึงปรับปรุงสนามบินเก่าของจังหวัดพังงาที่ทิ้งร้างไว้ เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดเล็ง เพื่อช่วยเพิ่มการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในอีก5 ปีข้างหน้า
ปรับปรุงการคมนาคม
ทั้งทางบก เรือ อากาศ ส่งเสริมการประกอบการธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ส่งเสริมให้เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ ซึ่งบางโครงการได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ผ่าน อปท. ส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชน ที่ขณะนี้ 3,000 ชุมชนแต่ยังไม่มีหลักฐานจดทะเบียนชุมชนท่องเที่ยว ทำให้ได้รับสิทธิ์ไม่ทั่วถึง ซึ่งการท่องเที่ยวชุมชน ถือเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายสินค้าในชุมชน
จากนั้นนายเศรษฐา ระบุว่า จากที่ตนได้ฟังมาก็มีข้อเสนอแนะที่ดีๆ แต่แปลกใจที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีมาจังหวัดพังงาหลายสิบปีก็ว่าได้ และก็ทราบดีว่าในส่วนนี้ไม่ว่าจะเป็นพังงา กระบี่ ภูเก็ตหรือระนอง ก็เป็นแหล่งรายได้ที่มีอนาคต สามารถทำรายได้ให้กับประเทศชาติมาก แม้พรรคเพื่อไทยเองเราไม่มีสส.ใน 3 ปีจังหวัดนี้ มานานมากแล้ว
หรืออาจจะไม่เคยมีอะไรก็ว่าได้ แต่ก็ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และส.สในพื้นที่จากพรรคร่วมที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย แม้เราไม่มีสส.แต่เราก็ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวตนของนักการเมืองที่ควรจะไปปฏิบัติอยู่แล้ว ภูเก็ต พังงา จังหวัดแรกที่ตนได้เดินทางมาหลังรับสนองพระบรมราชโองการฯ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เราดูในองค์รวมเชิงพัฒนาประเทศเป็นหลักไม่ได้ดูในเรื่องการเมือง
นายเศรษฐา กล่าวว่า เห็นได้ว่า GDP ของจังหวัดภูเก็ตต่ำมาก เราก็ต้องดูเรื่องการลดหนี้และเพิ่มรายได้ จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก วันนี้ตนไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังนายแพทย์พรหมมินทร์ที่เคยเป็นอดีตเลขาของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร และคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมีว่าที่รัฐมนตรีหลายท่านที่เดินทางมาด้วย ซึ่งก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะระบุว่าเป็นใครบ้าง ก็ได้มารับฟังปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องการสร้างสนามบินใหม่
ส่วนปัญหาเรื่องการลงทุนทั้งหมดตนก็ได้มาดู มีโครงการเยอะไปหมด แล้วก็มีวิธีการในการวิเคราะห์แตกต่างกันไปบางอันได้ผลตอบแทนต่ำหรือบางอันก็ไม่ได้ผลตอบแทนเลย แต่ถ้าดูในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคถึงแม้โครงการนั้นอาจจะไม่คุ้มการลงทุน แต่ถ้าหากดูองค์รวมของการพัฒนาเศรษฐกิจของทางภูมิภาค ผลตอบแทนก็น่าจะคุ้ม เพราะฉะนั้นการดูโครงการของพรรคเพื่อไทย หากได้รับการถวายสัตย์เรียบร้อยแล้วก็คงไม่ดูแยกเป็น project
แต่จะดูทั้งภูมิภาค และไม่ใช่แค่เชิงรุกแต่ต้องกลับมาดูหลังบ้านด้วย เช่นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โรงขยะ การบำบัดน้ำเสีย สิ่งเหล่านี้จะต้องควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค
เรื่องของความมั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นการยกเลิกฟรีวีซ่า ทั้งจีนอินเดียรัสเซีย ที่ถือเป็นตลาดใหญ่ เขาก็อยากจะอยู่มากกว่า 30 วัน ก็จะพยายามขยายออกไปให้มากจนถึง 90 วัน เรานี้ก็จะไปเปิดทำให้การเข้ามาในประเทศไทยสะดวกสบายยิ่งขึ้น ส่วนการทำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะทำให้เกิดการพักระยะยาว เชื่อง่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเข้ามาแน่นอน แต่ถ้าหลายจังหวัดเปิดการท่องเที่ยวลักษณะนี้พร้อมๆกัน อาจจะทำให้เกิดการขาดแคลนบุคลากร
จึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้เรายังมองถึงการขาดงานเรื่องการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ที่ต้องการการ training ที่ดี เราต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาส่วนนี้นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงเรื่องแนวคิดครม.สัญจรก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ายกมาทั้งครม.ใหญ่ก็ต้องให้ความสำคัญกับทั้งจังหวัดนั้นๆอย่างมาก แต่หากมาเป็นคณะเล็กๆ ก็อาจจะคล่องตัวมากกว่า โดยอาจจะมีการแยกไปเป็นครม.เศรษฐกิจหรือ ครม.ความมั่นคง เป็นแบบกรุ๊ปเล็กๆ ก็อาจจะคล่องตัวได้ประโยชน์มากกว่า สิ่งเหล่านี้ทีาได้รับฟังมาตนก็พยายามจะ cover ให้ได้ทุก point และยืนยันว่าจะกลับมาใหม่อย่าง
อย่างไรก็ตาม หากสามารถสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่จังหวัดพังงาได้ เชื่อจะสร้างตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง อัตราส่วนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จังหวัดพังงาโดยรวมเป็นไปด้วยดีรองจากกรุงเทพมหานครได้