ทีมนักวิจัยนานาชาติ ทั้งจากประเทศจีน และประเทศอังกฤษ ร่วมกันศึกษาวิจัยจนกระทั่งค้นพบว่า วัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะมีปริมาณเนื้อสมองลดลง โดยเปรียบเทียบจากภาพถ่ายสแกนสมองด้วยระบบ MRI จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 800 คน ทั้งจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้ยังได้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับลักษณะบุคลิกภาพด้วย

เทรเวอร์ ร็อบบินส์ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวว่า “การสูบบุหรี่ อาจเป็นพฤติกรรมเสพติดที่พบบ่อยที่สุดในโลก และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในวัยผู้ใหญ่ การเริ่มต้นนิสัยการสูบบุหรี่มักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น วิธีใดก็ตามที่จะตรวจพบโอกาสที่เพิ่มขึ้นของสิ่งนี้ อาจทำให้เราสามารถช่วยชีวิตคนนับล้านได้”

โดยนักวิจัยได้เปรียบเทียบผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุ 14 ปี กับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และทำซ้ำอีกครั้งกับคนกลุ่มเดิมเมื่อพวกเขาอายุ 19 และ 23 ปี โดยภาพถ่ายเผยให้เห็นว่าผู้ที่สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี มีสารสีเทาน้อยกว่าในเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ และการควบคุมตนเอง

ส่วนการสแกนสมองที่ถ่ายในอีก 5 ปีต่อมา เผยให้เห็นว่าส่วนตรงข้ามของบริเวณสมองเดียวกัน (ด้านขวา) ก็ลดลงในกลุ่มผู้สูบบุหรี่เช่นกัน เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งในส่วนนี้ก็เชื่อมโยงกับการรู้สึกมีความสุขเช่นกัน

สอดคล้องกับที่ บาร์บารา ซาฮาเคียน จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อธิบายว่า ตรงกลางด้านล่างส่วนหน้าสมอง กลีบหน้าผาก (Ventromedial. Prefrontal Cortex) เป็นบริเวณสำคัญของโดปามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีแห่งความสุขของสมอง และยังเชื่อกันว่าส่งผลต่อการควบคุมตนเองด้วย

เพื่อยืนยันผลที่ได้ ทางทีมวิจัยยังได้ให้กลุมตัวอย่างทำแบบสอบถามด้วย ซึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า คนที่มีเนื้อสมองด้านขวาลดลง มีแนวโน้มที่จะแสวงหาสิ่งแปลกใหม่มากขึ้น ในขณะที่คนที่มีเนื้อสมองด้านซ้านลดลง มีแนวโน้มที่จะมีการยับยั้งชั่งใจลดลง หุนหันพลันแล่น กล้าเสี่ยง และกล้าละเมิดกฎมากขึ้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เพิ่มโอกาสในการสูบบุหรี่ในวัยรุ่น

เจีย หนึ่งในทีมนักวิจัยกล่าวว่า “ผู้สูบบุหรี่จะสูญเสียส่วนสีเทาในสมองส่วนหน้าด้านขวา ซึ่งเชื่อมโยงกับพฤติกรรมที่ส่งเสริมการใช้สารเสพติด นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การสูบบุหรี่เกิดขึ้นในคนหนุ่มสาว และกลายเป็นการพึ่งพาอาศัยกันอย่างไร”

ทั้งนี้ ตามรายงานพบว่า การเสียชีวิตของผู้ใหญ่หนึ่งในห้าในสหรัฐอเมริกา มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ดังนั้น ทีมวิจัยจึงคาดหวังว่าการทำความเข้าใจว่าใครคือผู้ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นสูบและเสพติดบุหรี่ อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาเหล่านั้นได้