“ภูทับเบิก” ที่เที่ยวสุดฮิต ชมทะเลหมอก , ไร่กะหล่ำปลี พร้อมกับมิตรภาพดีๆ
ใกล้หน้าหนาว หลายๆ คนคงวางแพลนไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ กันเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าหากว่าใครที่ยังไม่ได้วางแผน หรือไม่รู้จะไปไหนที่ไหนดี ขอแนะนำ “ภูทับเบิก” สถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาว ยอดฮิต ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต และก็มีคำถามตามมาว่า แล้วมันมีอะไรดี? ทำไมถึงต้องไปดูให้เห็นกับตาของตัวเอง และจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปหรือเปล่า
ซึ่งวันนี้ Sanook Travel นั้นจะขอติดสอยห้อยตาม คุณ สมาชิกหมายเลข 1322376 ไปเที่ยวไร่กะหล่ำปลีพร้อมชมทะเลหมอกที่สวยงามมากๆ ยาวสุดลูกหูลูกตาที่ “ภูทับเบิก” กันค่ะ ก็ต้องบอกเลยว่า หมอกในหน้าฝนนี่ก็สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลยนะ ลองไปดูกันเลยค่ะ
ประวัติ ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ตั้งอยู่ในตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,768 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 17-25 องศาเซลเซียส ภูทับเบิก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวภูทับเบิกได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายและทะเลหมอกสวยงามที่สุด
ภูทับเบิก เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เชื่อกันว่าชาวเขาเผ่าม้งอพยพมาตั้งถิ่นฐานบนภูทับเบิกตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ชาวเขาเผ่าม้งยังคงอาศัยอยู่บนภูทับเบิกจนถึงปัจจุบัน และยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมของตนไว้อย่างเหนียวแน่น
เริ่มต้นเดินทางไปภูทับเบิก 5 – 6 กันยายน 58 ที่ผ่านมา
ทริปสุดมัน !!! แม้ว่าจะต้องบากบั่น ขึ้นไปบนภูด้วยสวิฟน้อย บรรทุก 5 ชีวิต และ มีของเต็มหลังรถอัดกันมา เพื่อจะไปพิชิต ภูทับเบิก กับเขาซักครั้ง ครบทุกรส ทั้ง ร้อน ฝน หนาว พายุ เจอแทบทุกอย่าง แต่ว่าก็ไม่ทำให้ความสนุกในการเดินทางครั้งนี้ลดลงไปเลย
แล้วมันขึ้นมากันได้ยังไง
ซึ่งการออกเดินทางจาก จังหวัดศรีสะเกษ มาถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็เช้าพอดี สำหรับทริปนี้ไม่ได้วางแผนกันไว้แค่ตกลงกันได้ ก็จัดการแพ็คกระเป๋ากันเลย ( ใจง่ายมากกกก ) ทีแรกก็กะจะไปกันเดือนหน้า แต่ว่าไปๆ มาๆ ไปกันมันอาทิตย์นี้หล่ะ วัยรุ่นใจมันร้อน 55
กว่าจะเดินทางมาถึง ภูทับเบิก ก็ใช้เวลาไปเยอะ มีหมอกลงตลอดทาง แต่คนขับก็ สามารถพาทั้ง 5 ชีวิตมาถึงที่ได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งนับว่า เป็นโชคมากๆ และเมื่อเดินทางมาถึงก็เจอหมอกสวย ลอยมาคลอเคลียให้ชมเลยทีเดียว
และพอไปถึง พวกเราก็ตกลงจะไปเช่าเต้นท์กันที่วิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีคนจับจองเป็นประปรายบ้างแล้ว แค่เห็นวิวด้านบนแล้วใจมันก็สั่นระรัว คือ แบบ ดีงาม เวอร์วังอลังการมว๊ากกกก สวยสุดๆ
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เราไปกางเต้นท์กันที่ไร่ริมผา ขอบอกว่าวิวที่นี่ก็สวยไม่แพ้กันเลยล่ะ จากนั้นก็จับจองที่กางเต้นท์กันเลยย ตอนนั้นมีอยู่ไม่กี่เต้นท์
สำหรับไร่ริมผา คือ อยู่ริมผาจริงๆ ( วิวแบบสิบกะโหลกกกก แต่ตอนไปยังไม่เห็นเพราะหมอกคลุม )
สำหรับบ้านหลัง ที่เห็นนี้คือดีงาม เสียดายที่พักเต็มหมด
จะมีน้องๆ ใจดีเต้นท์ข้างๆ มาช่วยกางให้ จากนั้นก็กลายเป็นมิตรภาพตลอดทริป ร่วมเผชิญชะตากรรมไปด้วยกัน 55
เมื่อกางเต้นท์เสร็จหมอกมาเลยค่ะ ซักพักฝนปรอยๆ เราก็คิดในใจว่าเดี๋ยวก็คงหยุด 10 นาทีแค่นั้นแหละมายังกะฟ้ารั่ว ทำให้ต้องรีบเก็บข้าวของเข้าเต็นท์กันจ้าละหวั่น แล้วมันก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งฝนทั้งลม เลยต้องหาผ้าใบมากางเพิ่มเพราะมันสาดเข้ามาเปียกหมด ทุลักทุเลมาก
สรุปก็คือ กว่าฝนจะหยุดก็เปียกปอนไปตามๆ กัน ได้เล่นน้ำฝนบนภูนี่ก็เย็นดีเหมือนกันเนอะ สนุกสนานมากเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง ( แต่ถ้าตอนเด็กนี่คงโดนแม่ตีละ 55 )
รูปนี้สภาพแบบเละเทะอะ เปียกไปหมด นั่งไม่ได้ต้องนั่งยองๆ เอา
รูปนี้บรรยากาศดีๆ แถมมีน้ำตก 9 ชั้น ให้ชมด้วย 555
และไหนๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ละ เปียกก็เปียก ก็เลยหาอะไรรองท้องกันตายก่อนละกัน เอิ๊กๆ
หลังฝนหยุดตก พอฟ้าเปิดแค่นั้นแหละ บร๊ะเจ้า! วิวมันสวยมว๊ากกกกกกก แบบตะลึงพรึงเพริดกันเลยทีเดียว ให้สิบกะโหลกกกกกกกกกกก หยิบกล้องมาถ่ายแทบไม่ทัน
จากนั้นก็หามุมดินเนอร์แบบฟินมว๊ากกกกก จิบนิด ชิมหน่อย พร้อมชมวิวพาโนรามา อร๊ายยยยยยย!! ดี๊ดีๆ
พอตอนกลางคืนก็ได้ชมแสงไฟไปด้วย โหยยยยยสวยสุดๆ
หลังจากทำเสร็จก็แบ่งเต้นท์ข้างๆ กันไป น้อง 2 คนที่มาช่วยตอนแรก ตอนนี้ก็ได้ร่วมก๊วนดวลขวดกันละ 55
คือ ช่วงเวลานั้นมันสุขมาก ทั้งอาหาร, ทั้งมิตรภาพ, เฮฮามาก ไม่เหมือนเพิ่งรู้จักกัน ซักพักพี่เต้นท์ข้างๆ ก็เดินมาแจมอีก เราหัวเราะกันบ้านแตก ( ต้องขออภัยเต้นท์ใกล้ๆ ด้วยนะคะ ที่เสียงดังมว๊ากกกกก เพราะเม้าท์มอยกัน หัวเราะลั่นเลย แต่ก็ดีนะเราแอบติดสินบนอาหารไปให้บ้างแล้ว ลดความขุ่นเคืองไปนิสนุง 55 )
พอซักพักเต้ทน์ข้างๆ ก็เอามาแบ่งบ้าง แบ่งกันไปแบ่งกันมา มันน่ารักมาก เหมือนกับว่า ทุกคนพร้อมที่จะแบ่งปัน พร้อมที่จะเป็นเพื่อนกัน มิตรภาพมันดีมากๆ รู้สึกดีสุดๆ เหมือนว่าลืมเวลาไปเลย
พอมารู้ตัวอีกทีก็หมด 2 กลมละ กำลังจะต่อ 3 เหมือนว่าจะมีฝนปรอยๆ ซักพักกระหน่ำเลยจ้ะ มีเสียงตะโกนว่า ” ฝนมาๆ ” เท่านั้นแหละวงแตก หนีตัวใครตัวมัน เก็บของก็ไม่ทันแหกปากโวยวาย แต่ละคนเตรียมแผนสองกันดีมาก คือตกลงกันไว้ตั้งแต่บ่ายว่า ถ้าฝนมาแผนสองนะ เข้าเต้นท์ใครเต้นท์มัน 55
พอดูสถานการณ์ซักพัก ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เต้นท์โยกแล้วววว จะปลิวม๊ายยยยยย พยายามประคองกันสุดชีวิต อีกหลังก็ดูท่าจะไม่ไหว อะไรกันเนี่ย กลางวันเจอฝน กลางคืน มีลมพายุฝนพัดเต้นท์ปลิว มันส์สุดๆ ไปเลยทริปนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะพยายามฝืนประคองด้วยการรวมตัวไปอัดอยู่ในเต้นท์เดียวกัน แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานแรงพายุได้ ใรขณะที่เต้นท์อื่นๆ เค้าก็ได้สละกันหนีตายกันไปหมดแล้ว จวบจนเมื่อเต้นท์อีกหลังได้ยุบตัวลงมา ก็ลงความเห็นว่าไม่ไหวว่ะ สละเต้นท์โว้ยยยยย !!!
เป็นอันประคองสุดชีวิต ไม่รอดจร้าาาาาาา 555
จากนั้นจึงสำนึกได้ว่าควรเก็บข้าวของไปหาที่นอนเอาดาบหน้า หอบผ้าหอบผ่อนออกมาพร้อมพายุฝนโหมกระหน่ำ เหมือนกับการเกิดการจลาจลย่อมๆ ขึ้น บนภูแห่งนั้น พร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวาย ไม่ใช่จากที่ไหนเล๊ย ที่เต้นท์เรานั่นเอง 55
โชคยังดีที่เจ้าของรีสอร์ทเค้าให้เข้าไปพักในบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งพวกเราได้นอนในห้องพักสุดหรู พร้อมด้วยเครื่องมือช่างที่กองอยู่อีกนับสิบ ซึ่งสมาชิกอื่นๆ อีกสองเต้นท์ เราก็รวมกันแล้วนับสิบกว่าชีวิต แต่ว่าก็ดีกว่านอนตากฝนทั้งคืน ไม่รู้เต้นท์อื่นชะตากรรมเป็นอย่างไร นอนไปลมก็กระหน่ำทั้งคืน
พอนอนไปก็หนาวไปหลับไม่ลงได้ยินเสียงฝนพร้อมโรงสีข้าวที่มาพร้อมกัน 4 คน ก็ผล๊อยหลับไปตื่นอีกทีได้ยินเสียงว่า เฮ้ยๆ ตื่นๆ ทะเลหมอกสวยมาก เท่านั้น ทำให้เด้งตัวเองออกมาจากที่นอน พร้อมคว้านหากล้อง อิแก่คู่ใจวิ่งออกมาทันที และพอเช้ามาเจอบรรยากาศทะเลหมอก เท่านั้นแหละ มันทำให้เราลืมบรรยากาศ สุดแสนทรหด และหนีตายเมื่อคืนไปเลย เห็นภาพฟ้าหลังฝนมันดีอย่างนี้นี่เอง ทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา คือนี่เมืองไทยชั่ยป๊ะ ไม่ฝัน มันสวยสุดๆ
ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยมากันแล้ว
เราอิจฉาพี่คนนี้หนักมาก ที่ได้มุมถ่ายสวยสุดๆ แต่ต้องไต่หน้าผาลงไปนะ แต่หนูไม่กล้า 55
มองท้องฟ้ามันสวยฝุดๆ
หลายๆ คนหามุมถ่ายรูปกันใหญ่ เพื่อจะเก็บความทรงจำดีๆ นี้ไว้
หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ทะเลหมอก อันสวยงามที่ธรรมชาติประทานมาให้จนอิ่มเอมเปรมปรีดิ์แล้ว และก็ถึงเวลาที่เรา จะต้องมาสำรวจสภาพเต้นท์ พร้อมด้วยข้าวของที่ทิ้งเกลื่อนกลาดเมื่อคืนซักที
โดยจากสภาพที่เห็นถ้าฝืนอยู่ทั้งคืนไม่น่าจะรอดแน่ๆ 55
หลังจากนั้นก็เก็บเต้นท์ไปชมหมอกไป ฟินฝุดๆ
พอชมเสร็จ ก็มาเก็บข้าวของ ล้างหน้าแปรงฟันเตรียมกลับบ้านกัน
นี่คือสภาพห้องนอนสุดหรู พร้อม open air ตลอดคืน (เพราะไม่มีประตู 555 และ มีอุปกรณ์ ของช่าง อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน 55
เตรียมเก็บของกลับบ้านกันคร้าบบบบบบ
มันสายแล้วแต่ว่าหมอกก็ยังหนาอยู่
โดยรวม ทริปนี้ แม้ว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่คาดไม่ถึงแต่การเดินทางครั้งนี้ก็พบกับบรรยากาศสุดยอด ทะเลหมอกที่สวยจนตะลึง ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับมิตรภาพดีๆ ที่มีตลอดทริป สำหรับการเดินทางอาจไม่สำคัญที่จุดหมาย แต่ว่าสำคัญที่คุณได้อะไรจากการเดินทางนั้น ฉันจะไม่ลืมบรรยากาศและมิตรภาพดีๆในวันนั้น คิดถึง ภูทับเบิก แล้วเราจะกลับมาใหม่
” มิตรภาพดีๆ มันมีอยู่ทุกที่ แค่คุณออกเดินทาง “
เราขอลาจากด้วยภาพเดอะแก็งค์ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม พาพันขอบคุณ ไว้เจอกันทริปหน้า บาย จุ๊ฟ
ขอฝากกระทู้ดีๆ ของไอ้น้อง ผู้ร่วมเผชิญชะตากรรมด้วยกัน http://pantip.com/topic/34164048
นี่เป็นการเดินทางทำให้เรามาเจอกับมิตรภาพดีๆ ไว้คราวหน้าเจอกันอีกนะ
ลองมาดูภาพบรรยากาศช่วงหน้าหนาวกันบ้างดีกว่า
ขอบคุณรูปสวยๆ จากคุณ Treranai
การเดินทางไปภูทับเบิก สามารถทำได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถทัวร์
-
รถยนต์ส่วนตัว : จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และเพชรบูรณ์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอหล่มเก่า ขับตรงไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางไปภูทับเบิก เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2372 ขับตรงไปประมาณ 60 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางไปภูทับเบิก เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2331 ขับตรงไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก
-
รถทัวร์ : มีรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปภูทับเบิกหลายสาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง
ที่พักบนภูทับเบิก
- อิ่มอุ่น ภูทับเบิก 061-451-9963
- ไร่สมพร ภูทับเบิก รีสอร์ท 088-421-7238
- ยัวเฮาส์ ภูทับเบิก 084-822-8544
- ทับเบิกสเตย์วิว ไร่มะลิหอม 089-893-4474
- เดอ แคมป์โป 097-092-4029
- ผาทับเบิก รีสอร์ท 097-998-8529
- ผากลางหมอก รีสอร์ท 062-245-6988
- ไร่ผางาม ภูทับเบิก 061-171-2748
- บ้านพัก วิมานเมฆ ภูทับเบิก 081-039-6231
- ชิลล์ ชิลล์ ภูทับเบิก 095-376-9683