เพจหมอดัง เปิดแชทแฉ ร.พ.ใน จังหวัดสงขลา สั่งให้บุคลากรใช้เข็มดูดแบ่ง วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 ขวด ฉีด 13 โดส! ล่าสุดร.พ. ออกแถลง แค่ทดลองกับน้ำเปล่าเท่านั้น ประชาชนหวั่นไม่ได้ประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีแฟนเพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่าเพจ หมอขอบ่นหน่อยเหอะ-AggressiveDoctor ออกมาเปิดเผยภาพ ที่เป็นภาพจากห้องไลน์ของกลุ่มเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจ.สงขลา โดยมีข้อความระบุว่า มีการขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ถ้าเป็นวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ขอให้ใช้ syringe insulin แท้ดูด และขอให้ดูดแบ่งวัคซีน 13 โดสเท่านั้น โดยได้ปรึกษากับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแล้วทำได้
และในภาพยังระบุต่อว่า หากทำได้ ปลายปีงบประมาณ จะนำผลงานของโรงพยาบาลนี้ ที่แบ่งวัคซีนได้ 13 โดส ไปเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข
โดยทางเพจได้ เขียนข้อความตั้งคำถาม ระบุว่า ได้หรอวะ มาตรฐานอยู่ไหน จนทำให้แชทดังกล่าวถูกแชร์ไปยังโลกออนไลน์ อีกทั้งยังมีชาวเน็ตบางท่านออกมาแสดงความเห็นระบุว่า การใช้เข็มดังกล่าวซึ่งสั้นกว่าปกติ จะทำให้ฉีดวัคซีนไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อ รวมทั้งหากวัคซีน 1 ขวด มีการใช้ปริมาณฉีดเกิน 12 โดส จะส่งผลให้ปริมาณวัคซีนแต่ละเข็มไม่เพียงพอใจการสร้างประสิทธิภาพคุ้มกันได้ ดังนั้นจึงไม่ควรประหยัดวัคซีนโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับประชาชนได้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันที่ 10 มิถุนายน 2564 เพจเฟซบุ๊ก สาธารณสุข จังหวัดสงขลา เผยแถลงจาก โรงพยาบาลสทิงพระ ชี้แจงกรณีไลน์ดังกล่าว มาจาก นพ.นครินทร์ ฉินตระกูลประดับ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลสทิงพระ ที่ทดลองใช้เข็มฉีดยาอินซูลินแบบถอดปลายเข็มไม่ได้เบอร์ 27 โดยใช้น้ำเติมเข้าไปในขวด วัคซีนเดิมที่ใช้หมดแล้วทั้งขวด สามารถแบ่งน้ำในขวดได้ทั้งหมด 13 โดส จึงคิดว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ใช้เข็มอินซูลินแบบนี้ ดูดแบ่งวัคซีนแอสตร้าฯ เพื่อจะได้จํานวนโดสวัคซีนสูงสุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้น
ตนยอมรับว่า มีเจ้าหน้าที่บางท่านไม่เห็นด้วย เพราะเข็มฉีดยาอินซูลินชนิดนี้มีปลายเข็มยาวแค่ครึ่งนิ้ว เวลาฉีดจะทําให้ไม่ถึงบริเวณชั้นกล้ามเนื้อของต้นแขน แต่ นพ.นครินทร์ คิดว่าทําได้ ตอนจะฉีดยาโดยเข็มอินซูลินชนิดนี้ก็ขอให้ กดปลายเข็มลงไปในชั้นกล้ามเนื้ออีกประมาณครึ่งนิ้ว ก็ทําให้ถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ จากเหตุการณ์ที่สามารถแบ่งวัคซีนได้ 13 โดสนี้ นพ.นครินทร์ คิดว่าทำได้จึงได้นําเสนอความคิดนี้ต่อผู้บริหารระดับจังหวัด แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารระดับจังหวัดสงขลา จึงไม่ได้ดําเนินการ ต้องขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ที่มาและรูปภาพ : หมอขอบ่นหน่อยเหอะ-AggressiveDoctor, สาธารณสุข จังหวัดสงขลา