ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง โพสต์เล่าเรื่องราวน่าตกใจเมื่อวันอาทิตย์ (6 มิ.ย.) เกี่ยวกับประสบการณ์ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่กลับถูกโรงแรมแห่งดังกล่าวแจ้งความ โดยอ้างว่าหมอน 4 ใบหายไป
เจ้าของกระทู้รายนี้ เล่าว่าห้องที่ตนไปพักเมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีหมอนทั้งหมด 4 ใบ แต่ตนชอบนอนโดยที่มีหมอนเยอะๆ จึงขอเพิ่ม 3 ใบ และก่อนนอนในคืนนั้นขอเพิ่มอีก 2 ใบ เท่ากับว่ามีทั้งหมด 9 ใบ
วันต่อมา (23 เม.ย.) มีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้อง เพราะตนแจ้งโรงแรมว่าจะอยู่ต่ออีก 1 คน และสังเกตว่ามีการเก็บหมอนบางส่วนออกไปเพราะรู้สึกว่านอนแล้วไม่สบายเหมือนเดิม แต่ตนไม่ได้นับเพราะไม่ได้สนใจมากนัก
เมื่อถึงเวลาเช็กเอาต์ในวันรุ่งขึ้น (24 เม.ย.) ตนก็ทำตามขั้นตอนต่างๆ ของโรงแรม และเล่าว่าพนักงานรีเซปชันก็โทรเช็กความเรียบร้องกับแม่บ้านแล้ว และตนก็ได้รับเงินค่ามัดจำมูลค่า 2,000 บาทมาแล้วด้วย
ยืนยันคุยที่สถานีตำรวจลูกดียว
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันเช็กเอาต์ เจ้าของกระทู้โพสต์ว่า มีคนโทรหาแฟนตนมาสอบถามเพื่อหมอน ซึ่งตนและแฟนก็แจ้งว่าทิ้งหมอนไว้ในห้องตามปกติ จากนั้นอีกหลายวันก็มีสายโทรเข้ามาสอบถามเรื่องหมอนอีก
เรื่องที่ไม่คิดว่าจะใหญ่โตนี้ กลับจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของกระทู้เล่าว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. แม่ของตนส่งรูปมาว่ามีหมายตำรวจมาติดที่หน้าบ้าน ระบุว่า ให้ตนไปพบตำรวจที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เพราะโรงแรมแห่งนั้นแจ้งความว่าหมอนหายไป ทำให้ตนติดต่อตำรวจที่มีเบอร์โทรศัพท์ในหมายดังกล่าวทันที และทราบว่าตำรวจแนะนำให้คุยกันก่อน แต่โรงแรมไม่ยอม และต้องการแจ้งความ
ตนจึงโทรไปหาโรงแรมเพื่อพูดคุยกับผู้จัดการแผนกต้อนรับ แต่กลับได้คุยกับผู้จัดการประจำกะแทน และอธิบายว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ตนจะนำหมอนออกไป เพราะตอนเช็กเอาต์ก็มีการตรวจสอบห้องแล้ว แถมยังได้เงินค่ามัดจำคืนด้วย ไม่ใช่แค่นั้น ตนนำกระเป๋าเดินทางใบเล็กมาใช้ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการขนหมอนกลับแน่นอน และถ้าหากต้องขนหมอนออกหลายรอบ โรงแรมก็คงผิดสังเกตตั้งแต่แรกแล้ว
ต่อมา ผู้จัดการประจำกะ โอนสายให้ตนคุยกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรม แต่เจ้าของกระทู้เล่าว่าฝ่ายนั้นพูดคุยกับตนโดยมีน้ำเสียงที่ต่างจากคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมบริการ และกล่าวว่าขอไม่คุยผ่านทางโทรศัพท์ แต่ไปคุยที่สถานีตำรวจแทน
ไร้คลิปกล้องวงจรปิด อ้างฮาร์ดดิสก์เสีย
เจ้าของกระทู้เล่าต่อไปว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ตนและฝ่ายโรงแรมก็ไปพบกันที่สถานีตำรวจ โดยที่ตนมีหลักฐานเป็นรูปและคลิปที่ถ่ายลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งตนระบุว่าถ่ายไว้เยอะมากราวกับเป็นยูทูบเบอร์ แต่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรมกลับมีแต่หลักฐานเป็นกระดาษ และไม่มีคลิปจากกล้องวงจรปิด
เหตุนี้ทำให้ต้องเดินทางไปตรวจสอบที่โรงแรม แต่กลับไม่พบคลิปในช่วงเวลาดังกล่าวและได้รับคำตอบว่าฮาร์ดดิสก์เสีย และมีเพียงภาพที่ตนเดินเข้าออกจากห้องพักแค่มุมเดียว ไม่มีมุมในลิฟต์ หน้าล็อบบี้ ทางเดิน หรือแม้แต่ที่จอดรถ ในวันที่ 22-24 เม.ย. ที่ตนเข้าพักเลย แต่ไฟล์เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ยังอยู่ครบ ทำให้ตนรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างว่าทำไมคลิปในกล้องวงจรปิดในวันที่ตนเข้าพักจึงดูไม่ได้
ชาวเน็ตเชียร์ฟ้องกลับ
ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปคนอื่น ที่เข้ามาแสดงความเห็นมองว่า เจ้าของกระทู้ควรฟ้องกลับโรงแรมดังกล่าว อย่างเช่นความเห็นหนึ่งที่ระบุว่า ปกติแล้ว ถ้าหากลูกค้าขออะไรเพิ่มเติม โรงแรมก็มักจะบันทึกเอาไว้ และจะมีการเข้าไปตรวจสอบทันทีที่เช็กเอาต์ การที่โรงแรมพบว่าหมอนหายไปทีหลัง จึงไม่ใช่เรื่องที่ปกตินัก
อีกควมเห็นหนึ่งกล่าวว่า ถ้าหากได้เงินมัดจำคืนแล้ว เท่ากับว่าโรงแรมยอมรับว่าตรวจสอบทุกอย่างดีแล้วว่าไม่มีอะไรหายไป และกล้องวงจรปิดที่เสีย ก็จะใช้โทษเจ้าของกระทู้ไม่ได้ อีกอย่าง กระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่เจ้าของกระทู้นำไปด้วยนั้น ก็ใช้เป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าไม่มีทางขนหมอน 4 ใบทั้งหมดได้ในครั้งเดียว และบอกว่าเจ้าของกระทู้ควรปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการฟ้องกลับ
ความเห็นหนึ่งเดาว่า เป็นไปได้ว่าหมอนอาจจะหายไปจากห้องพักหลายห้องในช่วงเดียวกัน และเมื่อมีเจ้าของกระทู้ ที่ขอหมอนจำนวนมาก มาเข้าพัก จึงใช้โอกาสนี้โยนความผิดมาให้เจ้าของกระทู้ก็ได้