ผู้เสียหายร้องกองปราบฯ ช่วยตามจับผู้กองกำมะลอ หลอกขอยืมรถไปใช้แต่สุดท้ายเชิดรถหนี พบก่อเหตุทั่วโคราช มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
วันนี้ (19 ก.ค. 66) เวลา 10.00 น. ผู้เสียหาย 3 คนเข้าแจ้งความกับศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับ “ร้อยตำรวจเอก” ซึ่งใช้ชื่อว่าผู้กองจิ หรือผู้กองจอน ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ปากช่อง และ สภ.เมืองนครราชสีมา โดยผู้เสียหายทุกคนถูกหลอกยืมรถไปใช้ก่อนที่จะเชิดรถหลบหนีไป โดยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำมาคืนให้ตั้งแต่ปี 2563 และอีกหลายคดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
หนึ่งในผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า ผู้กองคนดังกล่าวเป็นน้องเขยของตนเองมาติดต่อขอยืมรถ mitsubishi mirage ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมาโดยอ้างว่าภรรยาจะคลอดลูกจึงต้องขอยืมรถเพื่อนำใช้รับส่ง แต่ต่อมาหลังจากยืมรถไปใช้ได้สักพักหนึ่งตนเองก็ติดต่อขอรถคืน แต่ผู้กองคนดังกล่าวกับบ่ายเบี่ยงและตัดการติดต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นทหารบกนายหนึ่ง ก็ถูกหลอกในลักษณะใกล้เคียงกันโดยเจ้าตัวโพสต์ facebook เพื่อหาคนช่วยรับส่งรถต่อจนกระทั่งผู้กองจอนติดต่อผ่านทาง facebook ว่าจะส่งรถต่อให้จึงได้มีการทำสัญญาและนำรถไป แต่ปรากฏว่ารถกลับขาดส่งไปนานถึง 5 เดือน และถูกเจ้าหนี้ของผู้กองจอนติดต่อมาทวงเงินอีกหลายราย เมื่อติดต่อไปหาเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยง ก่อนจะตัดการติดต่อไป
ส่วนผู้เสียหายอีกราย ถูกผู้กองจอนเข้ามาตีสนิทกับน้องสาว และมาติดต่อขอยืมรถของตัวเองเป็นรถ toyota yaris เพื่อไปทำธุระแต่เมื่อนำรถไปใช้ก็หายตัวไป และพยายามติดต่อขอรถคืนก็บ่ายเบี่ยงเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นๆ จนทำให้ทั้ง 3 คนต้องเดือดร้อนส่งรถกับไฟแนนซ์ มูลค่าความเสียหายรวมแล้วเกือบ 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายได้ไปพยายามติดต่อที่ สภ.ต้นสังกัดของผู้กองคนดังกล่าว กลับได้รับการปฏิเสธจากผู้บังคับบัญชาว่าไม่มีตำรวจนายดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงสืบข้อมูลย้อนกลับไปจนพบว่าตำรวจนายดังกล่าวถูกปลดประจำการตั้งแต่ปี 2559 จึงอยากให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามดำเนินการจับกุมผู้กองกำมะลอคนดังกล่าวมาดำเนินคดี และติดตามนำรถที่ได้ไปหรือชดใช้ความเสียหายคืน
นอกจากกรณีดังกล่าว ยังมีกรณีของครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ นำรถไปจำนำกับนายกายที่ย่านสรงประภาเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดเงิน 50,000 บาท ต่อมาได้นำเงินมาคืนให้และติดต่อขอรับรถคืน แต่เจ้าตัวกลับบ่ายเบี่ยงไม่นำรถมาคืนให้ โดยอ้างว่าไม่สามารถนำรถออกจากโกดังได้ เนื่องจากติดช่วงเทศกาลสงกรานต์ และบ่ายเบี่ยงอีกครั้งว่าไม่สามารถนำรถออกมาได้ เนื่องจากติดช่วงเลือกตั้ง ก่อนจะตัดการติดต่อไป
สุดท้ายจึงตัดสินใจแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ช่วงแรกตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ จึงให้เพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อให้จนสามารถลงบันทึกประจำวันได้ และติดต่อต่อจ้าตัวอีกครั้งก็ยังคงบ่ายเบี่ยง และอ้างว่านำรถคันดังกล่าวไปจำนำต่ออีกทอดหนึ่งแล้ว พร้อมกับผักภาระให้กับผู้เสียหายช่วยหาเงิน 100,000 บาท มาชดใช้หนี้แทนและจะนำรถออกมาให้ทันที จึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกระทั่งตำรวจดำเนินการออกหมายเรียกให้ แต่คนรับจำนำก็ไม่ยอมเข้ามาพบตำรวจตามหมายเรียก
โดยล่าสุดคดีผ่านไปนานกว่า 4 เดือนแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่ยอมออกหมายจับหรือควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดี จึงอยากเรียกร้องให้ตำรวจสอบสวนกลางช่วยติดตามคนร้าย และนำรถกลับมาคืนให้ เพราะทราบว่านายกายเป็นลูกน้องของบุคคลผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และยังมีหมายจับฉ้อโกงติดตัวอยู่อีกหลายคดี