ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม รอบที่ 2
กลุ่ม จี
วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3-1 ทีมชาติไทย
สนาม : ซาบีล สเตเดี้ยม
1. ไทยสู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ต้องบอกว่าตลอด 90 นาทีในวันนี้ ทีมชาติไทย ถูก ยูเออี ควบคุมเอาไว้ในกำมือได้แทบจะทั้งหมด โดยจุดเปลี่ยนมาจากประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ต้นเกมทำให้เจ้าบ้านเล่นได้ง่ายขึ้น บีบให้ไทยต้องเป็นฝ่ายเล่นตามเกมจนเกือบจะโดนยิงอีกหลายต่อหลายครั้ง ถือว่าโชคดีมาก ๆ ที่นักเตะเจ้าถิ่นยิงนกตกปลากันพอสมควร มิฉนั้นคงโดนไม่ต่ำกว่า 5-6 ลูกไปแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้ในครึ่งหลังไทยจะมีโอกาสได้เปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้าบ้านต้องการที่จะรอโอกาสในการสวนกลับ เนื่องจากเห็นแล้วว่าเกมรุกของเราไม่ได้อันตรายแถมแนวรับยังเป็นบ่อ แม้จะยิงคืนมาได้ 1 ประตูแต่รูปเกม ยูเออี ก็เป็นฝ่ายมีโอกาสลุ้นหวาดเสียวมากกว่าชัดเจน กระทั่งท้ายเกมเจ้าถิ่นก็มายิงปิดกล่องจากจังหวะสวนกลับได้ในที่สุด
2. ขาดตัวหลักเหมือนขาดใจ
การที่วันนี้ทีมไม่มีกำลังหลักที่เคยใช้งานอยู่เดิม อย่าง 2 แข้งตัวชูโรงจากญี่ปุ่น ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวประจำทีมและ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารมือหนึ่งเดิม หรือแม้แต่ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร สตาร์ดวงใหม่จาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ความน่ากลัวของ ทัพช้างศึก หายไปอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะตำแหน่งแบ็คซ้ายที่เดิมเป็นของ “เจ้าอุ้ม” เรียกได้ว่าเป็นบ่อให้คู่แข่งเล่นงานเป็นว่าเล่นไม่ว่าจะส่งใครลงมาแทนก็ตาม รวมถึงการไม่มีเพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติในวันนี้ ทำให้เกมรุกของไทยเราไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำที่เป็นชิ้นเป็นอันได้ ทำได้เพียงรอโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งเท่านั้น แถมยังขาดความเฉียบขาดไม่แน่นอนในการรับส่งบอลจึงแทบไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้จบในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งนั่นเป็นที่มาของความปราชัยในค่ำคืนนี้
3. ไทยแลนด์ ยังคงไม่ได้ไปบอลโลกในปี 2022 นี้
แม้จะเป็นเรื่องปกติธรรมมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว แต่ก็ยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องตั้งคำถามว่าว่าเมื่อไหร่ ทีมชาติไทย จะได้ไปบอลโลก ?
ซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ฟุตบอลโลกปี 2022 ที่ กาตาร์ ทัพช้างศึก ก็จะจอดเพียงแค่รอบคัดเลือกนี้เท่านั้นหลังจากถูกอันดับหนึ่งและสองของกลุ่มอย่าง เวียดนาม และ ยูเออี ทำแต้มทิ้งห่างจนหมดโอกาสเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายแบบแน่นอนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงมีเกมเหลือในมืออีก 1 นัดนั่นคือการพบกับ มาเลเซีย คู่ปรับตลอดกาล แน่นอนว่าศึกแห่งศักดิ์ศรีนี้แม้ว่าจะตกรอบไปแล้ว แต่ นิชิโนะ ก็จำเป็นต้องกู้ความมั่นใจของแฟนบอลกลับมาให้ได้ เพื่อพิสูจน์ฝีมือของตัวเองหลังจากเริ่มถูกตั้งคำถามตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา