ครูที่ปรึกษา ลุยเอาผิด รปภ.หื่น เด็กนับถือเรียก "พ่อ" แท้จริงลวง ม.3 ไปกระทําอนาจาร

Home » ครูที่ปรึกษา ลุยเอาผิด รปภ.หื่น เด็กนับถือเรียก "พ่อ" แท้จริงลวง ม.3 ไปกระทําอนาจาร
ครูที่ปรึกษา ลุยเอาผิด รปภ.หื่น เด็กนับถือเรียก "พ่อ" แท้จริงลวง ม.3 ไปกระทําอนาจาร

ครูที่ปรึกษา ร้องสายไหมต้องรอด เอาผิด รปภ.หื่น ลวงเด็ก ม.3 ไปกระทําอนาจาร ตร.เตรียมออกหมายจับเร่งล่าตัวดําเนินคดี

วันนี้ (2 ก.ค.66) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมครูที่ปรึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านบางเขน นำเด็กหญิงอายุ 14 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ผู้เสียหาย) เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.สายไหม พร้อมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ปากคำหลังถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของโรงเรียนกระทำอนาจารขณะขับรถไปส่งที่บ้าน และได้รับแรงกดดันจากสถานศึกษา หลังนำเรื่องมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน

เด็กหญิงวัย 14 ปี เล่าว่า รู้จักกับ รปภ. รายนี้ประมาณ 3 ปี และเห็นว่าเป็นคนที่พูดจาน่านับถือ ทำให้ไว้วางใจ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้ปกครองมารับที่โรงเรียนเป็นประจำ แต่หากวันไหนที่ผู้ปกครองไม่มารับ รปภ. รายนี้ก็จะอาสาไปส่งที่บ้าน โดยก่อนหน้านี้เคยไปส่งที่บ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยในวันเกิดเหตุ รปภ. รายดังกล่าวอาสาไปส่งที่บ้าน แต่ระหว่างทางอ้างว่าขอพาแวะไปหยิบแบตเตอรี่สำรองในห้องพัก เมื่อไปถึงได้พาเข้าไปในห้องและทำอนาจาร ก่อนที่จะพาไปส่งที่บ้าน แต่เด็กหญิงผู้เสียหายไม่กล้าบอกกับผู้ปกครอง

โดยเช้าวันต่อมาเด็กหญิงตัดสินใจแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนนําไปสู่การร้องขอความช่วยเหลือไปยังเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากต้องการให้ตํารวจจับ รปภ. รายดังกล่าวมาลงโทษและยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านครูที่ปรึกษา กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องตนได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัย ในส่วนของ รปภ. รายดังกล่าวทํางานที่นี้มาแล้วกว่า 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาพูดจาดีกับเด็กนักเรียนมาโดยตลอดและมักให้เงินกับเด็กที่ขาดแคลน จนบางคนเรียกว่า “พ่อ”

ในส่วนบริษัทของ รปภ. ที่ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่ามีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งอีกด้วย ภายหลังทราบหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้เขียนรายงานผ่านรองผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล และได้ขออนุญาตพานักเรียนไปตรวจร่างกาย ก่อนที่จะกลับมาสอนต่อ จากนั้นก็ได้ร้องเรียนไปยังเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยเหลือพร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิด ซึ่งครูหลายคนก็เริ่มมีความกังวลที่นำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผย ซึ่งตนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบเพียงคนเดียว หากทางโรงเรียนจะดำเนินคดี

 

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ