ปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นใคร? จากผู้ล้ม ส.ส.หลายสมัย สู่ตัวตึงอภิปรายในสภาฯ

Home » ปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นใคร? จากผู้ล้ม ส.ส.หลายสมัย สู่ตัวตึงอภิปรายในสภาฯ
ปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นใคร? จากผู้ล้ม ส.ส.หลายสมัย สู่ตัวตึงอภิปรายในสภาฯ

พรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ต้องเผชิญแรงต้านในการจัดตั้งรัฐบาลหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการต่อรองตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ก่อนหน้าการเปิดประชุมสภาฯ เพียงไม่กี่วัน ก็ยังต้องยื้อตำแหน่งดังกล่าวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2

ระหว่างความขัดแย้งดังกล่าว ก็มีการรายงานว่าพรรคก้าวไกลมีแนวโน้มเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พิษณุโลก เขต 1 เป็นแคนดิเดต ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ตกเป็นข่าวว่าอาจเสนอชื่อนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จ.น่าน

ยิ่งไปกว่านั้นก็มีอีกกระแสสะพัดว่า อาจมีการยืมมือฝั่งตรงข้ามเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่เป็นศิษย์เก่าของพลังประชารัฐ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเลยทีเดียว

ในบรรดา 3 คนดังกล่าว นายปดิพัทธ์ ที่มีชื่อเล่นว่า อ๋อง ถูกมองว่ามีประสบการณ์น้อยที่สุด แต่ถ้าหากได้ย้อนไปดูการอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะพบว่า ส.ส. ภาคกลางตอนบนรายนี้ มีผลงานโดดเด่นไม่น้อยกว่าคนอื่นเลย

ล้มแชมป์เก่า-ปักธงส้มแบบแบ่งเขต

เว็บไซต์ส่วนตัวของนายปดิพัทธ์ ระบุว่าตนเป็นชาว จ.พิษณุโลก จบจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วทำงานเป็นสัตวแพทย์ 2 ปี ก่อนไปศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์

นายปดิพัทธ์เคยทำงานด้านการพัฒนาเยาวชนและแก้ไขปัญหาสังคม กับสมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทย และสนใจการทำการเมืองแบบใหม่

ปดิพัทธ์ สันติภาดา / Facebookเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ท่ามกลางกระแสการสบประมาทพรรคอนาคตใหม่ ว่ากระแสดีแต่อาจไม่ได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตเลยสักคน นายปดิพัทธ์กลับสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการเอาชนะ นายวรงค์ เดชกิจวิกรม ที่เป็นแชมป์เก่าหลายสมัยในนามพรรคประชาธิปัตย์ได้

เมื่อปี 2566 พรรคก้าวไกลถูกปรามาสอีกครั้ง ว่าจะได้ ส.ส. น้อยลงจาก 80 คนในยุคอนาคตใหม่ เพราะไม่มีผลงานในด้านการบริหารประเทศ แถมยังเจอกับกติกาบัตร 2 ใบ ที่เอื้อพรรคขนาดใหญ่กว่า กลับเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งไปด้วย 151 เสียง และนายปดิพัทธ์ก็ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้

ตีแผ่ทุจริตกองทัพ จวกข้ามแดนถึงเมียนมา

นอกจากกระแสพรรคที่มาแรงมากและความต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ผลงานการอภิปรายในสภาฯ ของนายปดิพัทธ์ เป็นปัจจัยที่มองข้ามไปไม่ได้

ส.ส. รายนี้ เคยกล่าวถึง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2563 ว่าเปิดช่องให้นำเข้าขยะมายังประเทศไทยหรือไม่ จนไทยกลายเป็น “บ่อขยะของโลก” โดยแลกมากับปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนและมลพิษสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันทำให้นายทุนเตาเผาขยะร่ำรวยขึ้น

เมื่อปี 2564 นายปดิพัทธ์ อภิปรายนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นหลายเรื่อง โดยมีเรื่องเรื่องการเพิ่มงบประมาณอาหารกลางวันต่อหัวแค่ 1 บาท และการที่เพิกเฉยต่อการที่โรงเรียนล้วงข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนเพื่อนำไปดำเนินคดีกับนักเรียน รวมอยู่ด้วย

นายปดิพัทธ์ เคยอภิปราย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงการสนับสนุนคณะรัฐประหารในเมียนมา ที่นำโดย พลเอกอาวุโส มิน เอ่า หล่าย ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตย ทั้งยังเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อาวุโส มิน เอ่า หล่าย ว่าเป็นฝาแฝดเผด็จการด้วย

ส.ส. ภาคกลางตอนบนรายนี้ เคยอภิปรายเมื่อต้นปี 2566 ถึงการทุจริตโครงการกู้บ้านพักทหาร ที่เป็นสาเหตุของการกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพิกเฉยต่อการแก้ปัญหานี้ ทั้งที่เป็นผู้ดูแลกระทรวงกลาโหมและกองทัพโดยตรง และหลังจากเหตุการณ์กราดยิงผ่านไปหลายปี ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ถูกถล่มยับปมสมรสเท่าเทียม

ถึงอย่างนั้น นายปดิพัทธ์ ก็ตกเป็นเป้าวิจารณ์เช่นกันหลังจากพบว่า ไม่ได้ออกเสียงสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อเปิดทางให้คู่รักทุกเพศจดทะเบียนสมรสกันได้ ทั้งที่พรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายนี้เอง

ขณะนั้น นายปดิพัทธ์ให้เหตุผลว่าขัดต่อความเชื่อทางศาสนาของตน แต่ก็ถูกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตั้งคำถามกลับว่า สรุปแล้วทำหน้าที่เป็นผู้แทนของคนจำนวนมากหรือเป็นผู้แทนของตัวเองกันแน่ และรัฐไทยยังยืนยันว่าเป็นรัฐฆราวาสอยู่หรือไม่

ประเด็นนี้มีการขุดกลับมาวิจารณ์นายปดิพัทธ์อีกครั้งท่ามกลางกระแสช่วงชิงตำแหน่งประธานสภาผูู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ที่มีกำหนดหารือกันอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ