ฤดูกาล 2008/09 บาร์เซโลน่า ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกของสเปน ที่คว้า 3 แชมป์หลักภายในฤดูกาลเดียวกัน ทั้งลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
การคว้า 3 แชมป์ใหญ่ในซีซั่นเดียว ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ แต่บาร์ซ่าก็สามารถทำ “เทรบเบิล” ได้เป็นครั้งที่ 2 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ อดีตนักเตะบาร์ซ่า ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของเป๊ปนั่นเอง
ในฤดูกาล 2014/15 เอ็นริเก้ เข้ามาคุมทีมบาร์ซ่าเป็นฤดูกาลแรก และได้เสริมทัพดาวยิงชื่อดังอย่างหลุยส์ ซัวเรซ เข้ามาผนึกกำลังเกมรุกกับเนย์มาร์ และลิโอเนล เมสซี่ ในนามของ 3 ประสานกองหน้ารหัสลับ “MSN”
บาร์เซโลน่า กับซีซั่นแรกของเอ็นริเก้ การันตีคว้าแชมป์ลาลีกาก่อนลงเตะนัดสุดท้าย จากนั้นก็คว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ ด้วยเอาชนะแอธเลติก บิลเบา และยังมีลุ้นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย
6 มิถุนายน 2015 บาร์เซโลน่า ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก พบกับยูเวนตุส จากอิตาลี ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพื่อหวังสร้างประวัติศาสตร์ “เทรบเบิลแชมป์” อีกครั้ง
อิวาน ราคิติช ยิงให้บาร์เซโลน่านำไปก่อนตั้งแต่ 4 นาทีแรก แต่ในช่วงครึ่งหลัง อัลบาโร่ โมราต้า ตีเสมอให้ยูเวนตุส ก่อนที่ซัวเรซ จะยิงขึ้นนำให้บาร์ซ่าอีกครั้ง และเนย์มาร์ ก็ทำประตูปิดท้ายให้บาร์เซโลน่า เอาชนะยูเวนตุส 3 – 1
บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่เป็นสมัยที่ 5 และเป็นการคว้า 3 แชมป์ใหญ่ เทียบเท่ากับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อ 6 ปีก่อน หน้านั้น สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกของทวีปยุโรป ที่คว้า “เทรบเบิลแชมป์” ได้ถึง 2 หน
แน่นอนว่า ผู้ที่มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2014/15 นั่นคือ 3 กองหน้า “MSN” ที่ยิงประตูรวมกันถึง 122 ประตู รวมทุกรายการ (เมสซี่ 58 ประตู, ซัวเรซ 25 ประตู, เนย์มาร์ 39 ประตู)
ในฤดูกาลถัดมา (2015/16) 3 แนวรุก “MSN” ยังคงยิงประตูถล่มทลายต่อเนื่อง โดยยิงได้รวมกัน 131 ประตู พาทีมป้องกันแชมป์ลาลีกา และโคปา เดล เรย์ รวมถึงคว้าแชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพอีกด้วย