วางมงกุฎมาเอาดีด้านงานแสดงเต็มตัว สำหรับ อแมนด้า ออบดัม เจ้าของตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ล่าสุดกลับมาเคาะสนิมรับงานแสดงรัวๆ ประเดิมละคร มาตาลดา เป็นเรื่องแรกกับทางช่อง 3 ในบทบาทสาวสุดมั่น พิณแพง หรือ อรุณรัศมี แถมเรื่องนี้ยังมีฉากเลิฟซีนแซ่บซี๊ดให้พิสูจน์ฝีมืออีกด้วย
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ อแมนด้า จึงได้พูดคุยถึงความรู้สึกจากบทบาทการเป็นนางงาม สู่การเป็นนักแสดงแบบเต็มตัว รวมทั้งแง้มหัวใจยอมรับมีหนุ่มคนพิเศษ คอยเป็นกำลังใจให้กันมานาน 6 ปีแล้ว ซึ่งความรักของอแมนด้าจะแฮปปี้ขนาดไหน ไปฟังกันเลย
ร่วมงานกับช่อง 3 ครั้งแรก ในละครเรื่อง มาตาลดา
“เป็นเรื่องแรกที่มาร่วมงานกับช่อง 3 รับบทเป็น พิณแพง เอาจริงๆ ครอบครัวของ แพง คนที่มองจากภายนอกเข้ามา รู้สึกว่า เป็นครอบครัวที่อบอุ่นจังเลย มีคุณพ่อคุณแม่ ฐานะก็ดีมาก เรียนสูง แต่พอเราเดินเข้าไปในบ้านจะรู้สึกถึงความหมองหม่น เพราะว่าคุณแม่ร้องไห้ตลอดเวลา
แล้วคุณพ่อก็มีบ้านเล็กบ้านน้อย มันก็เลยหล่อหลอมให้เราเป็น อรุณรัศมี เวลาที่เราเห็นแม่ร้องไห้ นั้นคือคนอ่อนแอ โตมาก็จะคิดว่าฉันจะไม่อ่อนแอแบบแม่ ฉันจะไม่ร้องไห้ ฉันจะเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ และเป็นคนที่มีกำแพงสูงมากๆ”
ยากแค่ไหนกับบทนี้
“น่าจะเป็นเรื่องการทำความเข้าใจกับบท และคาแร็กเตอร์ ทำให้ก่อนที่เราจะมาเล่นก็ต้องฝึกแสดงเพิ่ม มีไปเข้าเวิร์กช็อปกับ ริว ด้วย เพราะว่าเข้าซีนสำคัญๆ กับ ริว หลายซีน ต้องมีเลิฟซีนกันด้วย ฝากติดตามด้วยนะคะ เร้าร้อนมาก(หัวเราะ) ในทีเซอร์แค่น้ำจิ้ม”
เรื่องนี้เลิฟซีนแซ่บสุดที่เคยเล่นมาใช่ไหม
“ใช่ค่ะ แต่ด้วยบรรยากาศในกอง ทุกอย่างมันก็เลยออกมาเพอร์เฟคมาก เรื่องนี้เล่นเลิฟซีนกับริวคนเดียวค่ะ”
ริวบอกว่าเขาไหว้ขอโทษเราเยอะมาก เพราะเขาเขิน
“เขาไหว้ตั้งแต่วันฟิตติ้งแล้ว พี่ด้าขออนุญาตนะครับ แล้วฟิตติ้งแค่จับมือเยอะสุด เขาก็บอกว่าพี่ครับขออนุญาตครับ เราก็เลยบอกว่าริวนี้เธออ่านบทแล้วใช่ไหม(หัวเราะ) ในบทมันเยอะกว่านี้ แต่นี้แค่ถ่ายภาพนิ่งมันน้อยมาก ถามว่าเยอะขนาดไหน มันมีร้อนๆ อยู่หลายฉากเหมือนกัน แต่ว่าเลิฟซีน มันก็จะมีอันใหญ่ๆ ร้อนๆ เลย ต้องรอดู”
ริวเขินหนักมาก แล้วเราเขินไหม
“ก่อนเข้าฉากมันต้องเขินอยู่แล้ว ก่อนจะเข้าฉากเราก็บอกเขา มันก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเรารู้ว่าเราจะทำอะไร แต่พอสมบทบาท แล้วต้องอ่านไลน์ของแต่ละคาแร็กเตอร์ ความเขินมันหายไปหมด เราก็อยากทำให้ผลงานออกมาดีที่สุด ไม่อยากให้ออกมาดูครึ่งๆ กลางๆ ตัวละครที่เราเล่นเขาสีเทาๆ เขาไม่ได้ร้าย เขาเป็นแค่มนุษย์คนนึงที่คิดว่าสิ่งนี่คือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับฉัน
ซึ่งบางทีคนอื่นก็ไม่ได้คิดเหมือนกับฉัน ส่วนตัวชอบ อรุณรัศมี เพราะว่าเขามีการพัฒนาคาแร็กเตอร์ ตอนแรกเป็นคนที่มีกำแพงสูงมาก แต่พอเราได้เรียนรู้ ได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น บวกกับมาเจอ ไตรฉัตร ที่มาเคาะกำแพงให้มันแตก ก็จะได้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แข็งกระด้าง เขาก็เป็นมนุษย์คนนึง ที่มีความรู้สึกนึกคิด มันก็มีมุมที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียว นั่งร้องไห้ มีมุมที่หัวเราะกับเพื่อน มีมุมทำงาน มันมีหลายมุม ทำให้สะท้อนความเป็นมนุษย์คนนึง”
ในเรื่องกับ เจมส์ จิรายุ เราต้องเข้าไปเต๊าะเขา
“ไม่เชิงเต๊าะ แต่ด้วยว่าสองครอบครัวเราอยากให้มาลงเอยกัน แล้วเราก็เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมั่นระดับหนึ่ง เรารู้สึกว่าผู้ชายเข้าหาเราตลอดเลย แต่ทำไมเจอคนนี้ ดูไม่สนใจเราเลย มันก็เลยเกิดคำถามว่า ทำไม แล้วก็รู้สึกว่า ได้ เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู มันมีความสนุก มีความเล่นเกมส์”
ก่อนหน้านี้เราเป็นนางงาม แต่พอมาเป็นนักแสดงต้องปรับโหมดอย่างรไร
“นางงามเป็นการพรีเซนต์ตัวเอง แต่การแสดงเป็นการสวมบทบาทคนคนนึงที่ไม่ใช่อแมนด้า แต่ถ้าเป็นนางงาม เราต้องพรีเซนต์ตัวเราเองว่านี่คือ อแมนด้า นะ มันก็เลยมีความแตกต่างค่อนข้างจะชัดเจน ซึ่งพอมันเปลี่ยนจริงๆ มันก็เปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ”
มีติดลุคของนางงามมาในละครไหม
“เอาจริงๆ ความเป็นนางงาม มันเป็นเฉพาะตอนอยู่บนเวทีนะ เพราะว่าจริงๆ เราก็เป็นเด็กเกาะคนนึง ที่มีความโบ๊ะบ๊ะ เราก็ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปเหมือนกัน แค่ว่าเวลาที่อยู่บนเวทีมันก็ต้องมีมาด เราไม่เอาอแมนด้าในชีวิตประจำวันมาใช้”
กังวลคนอาจจะติดภาพจำเราเป็นนางงาม
“ไม่ได้มีความกังวลค่ะ เราได้ตำแหน่งตอน 2020 เราได้ทำหน้าที่ตรงนี้เสร็จแล้ว หน้าที่การงานมันก็เปลี่ยนไปแล้ว”
ถึงจะผ่านไป 3 ปี แต่คนก็ยังจำภาพ ท่าโพสต์ของเราบนเวทีได้อยู่
“ขอบคุณค่ะ บางคนคิดว่าการเป็นนางงาม แค่ขึ้นไปเดินสวยๆ บนเวที แต่จริงๆ เบื้องหลังคือเหนื่อยมากนะ เหนื่อยแบบตะโกน ขอบคุณที่ยังชื่นชมในผลงาน ตอนนั้นเราทำหน้าที่ของเราเต็มที่ที่สุดแล้ว ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทย”
“งานแสดงก็เป็นสิ่งที่เราอยากทำ มันสนุกนะ ตอนนี้นอกจาก มาตาลดา แล้วก็ยังมี เว้าวอนรัก, ลมเล่นไฟ ของทางช่อง 3 ถามว่าเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดไหม เราเป็นนักแสดงอิสระ แต่ก็รักช่อง 3 อยู่แล้ว”
ละครทั้ง 3 เรื่อง คาแร็กเตอร์เป็นอย่างไร
“ลมเล่นไฟ คาแร็กเตอร์ก็รุนแรง ชัดเจนกว่าเรื่อง มาตาลดา ถามว่าทำไมรับบทร้ายทั้งๆ ที่เพิ่งเข้าวงการมา มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดแค่ตรงนั้นนะคะ(หัวเราะ) พอเราอ่านแล้วรู้สึกว่าบทนี้มันท้าทาย แล้วการที่ผู้ใหญ่จะให้บทแบบนี้ โอกาสแบบนี้กับเด็กคนนึง ที่เพิ่งเข้ามา มันเป็นโอกาสที่ใหญ่มากๆ มันไม่มีอะไรที่ทำให้ไม่อยากรับ เราแค่อยากทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ได้เล่นกับ พี่เชอร์รี่ ด้วยนะ เขาน่ารักมากเลย เป็นคนตลกอยู่นะ ส่วนเรื่อง เว้าวอนรัก เป็นนางเอกค่ะ สู้คนด้วย เล่นคู่กับพี่เด่นคุณค่ะ”
ตอนนี้คิวแน่นทำงานทุกวันเลย
“ทุกวันเลยค่ะ ถ่าย 2 เรื่องพร้อมกันก็ฉ่ำ ถามว่าพาร์ตนางงามกับพาร์ตละครอันไหนเหนื่อยกว่ากัน เหนื่อยคนละแบบ พาร์ตนางงามมันจะเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายและใจ เราต้องไปสู้รบทุกวัน แต่ว่าพอมาเล่นละครมันแค่เหนื่อยกายไม่ได้เหนื่อยใจ มาเล่นละครเหมือนไปเข้าค่าย สนุกดี”
อยู่กับ พี่เอ ศุภชัย มีคนฝากเตือนเขาไหมเรื่องใช้แอปขายาวเกินไป
“สูง 200 เซนติเมตร เราไม่ได้เตือนอะไรเลย ถ้าแม่เอทำอะไรแล้วมีความสุข เราก็จอยนะ เราเห็นเรายังยิ้มตามเลย จะไปเตือนทำไม เราเห็นต้องรีบไลก์ รีบแชร์เลย(หัวเราะ) อะไรที่มีความสุขก็ทำไปเถอะ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เอาเต็มที่เลยค่ะ สูง 300 ก็ได้ จอยๆ กัน จริงๆ ไม่มีใครซีเรียสนะ ในคอมเมนต์ก็ขำๆ กัน ปล่อยจอย อย่าคิดเยอะ”
พี่เอสอนอะไรบ้าง
“เขาสอนเรื่องการวางตัว อยู่ให้เป็น เราก็เป็นเราเฟรนลี่ในการทำงาน เราก็จอยๆ ของเรา คุณแม่เป็นสายให้กำลังใจ เต็มที่นะลูก อีกอย่างที่ชื่นชอบเวลาไปหาแม่ ก็คือมีแกงส้ม มีแกงใต้ รู้สึกเหมือนมีแม่อีกคน เด็กภูเก็ตเหมือนกัน”
เรื่องหนุ่มๆ พี่เอมีเตือนไหม
“ไม่มีนะคะ เพราะเราทำงานทุกวัน ถามว่ามีแฟนหรือยัง สวยขนาดนี้ มีแบบคุยเป็นเพื่อนอะไรอย่างงี้(หัวเราะ)”
หนุ่มคนนี้มีความน่ารักอย่างไร
“คุยเป็นเพื่อน มาถึงจุดนี้เขาก็ต้องเข้าใจสายงานของเรา ถ่ายละครนัด 7 โมงเช้า ถ่ายเสร็จ 4 ทุ่ม ก็ต้องเข้าใจว่าเราต้องทำงาน ถามว่าเป็นคนเดิมไหม คนเดิมคุยกันมาจะ 6 ปีแล้ว”
อยู่ๆ เรามาทำงานขนาดนี้เป็นนักแสดงด้วย เขาตั้งรับทันไหม
“เขาก็งงๆ อยู่ว่าทำไมหายไปเลย แต่ก็ต้องเข้าใจ ว่านี้เป็นความสุขของเรา และเป็นโอกาสที่ถ้าไม่คว้ามันจะเสียใจมากๆ วันนึงเราจะรู้สึกว่าทำไมวันนั้นเราไม่รีบคว้าโอกาสนี้ เพราะว่าโอกาสจะไม่ได้เข้ามาทุกวัน เพราะฉะนั้นต้องทำให้เต็มที่ และดีที่สุดสำหรับเรา”
มีปัญหาเรื่องเวลากันบ้างไหมตอนนี้
“แล้วแต่วัน(หัวเราะ) เป็นช่วงของการปรับจูน เราเพิ่งเปลี่ยนสายงานไง”
เรื่องเข้าฉากเลิฟซีนเขาว่าไหม
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เพราะว่ามันเป็นงาน ถ้าจะเป็นปัญหาก็เรื่องเวลา เพราะว่าพอเราเปลี่ยนสายงาน อย่างที่รู้ว่างานแสดงมันมีความยุ่งมากขึ้น ในการจัดการเวลา ถามว่าต้องชดเชยหรือเติมเต็มกันยังไง เอาจริงๆ ตอนนี้ต้องหาเวลานอนเนาะ เดี๋ยวว่ากันค่ะ ปรับๆ กันไป”
เรียกว่าเข้าฉากเลิฟซีนไม่มีผล
“ไม่มีผล แต่ก็เยอะอยู่นะ ถ้าเขาอยากดูก็ดูได้ แต่คิดว่าเขาคงไม่อยากดู แต่ก่อนเล่นก็บอกเขาก่อน เขาก็รับฟัง เป็นการบอกกล่าวว่ามีซีนนี้นะ”
ตอนนี้ความรักลงตัวแฮปปี้
“ใช่ค่ะ ยืนยันไม่ใช่คู่รักเลิกเงียบนะ คู่หนูไม่เกี่ยวนะ มันแค่ช่วงปรับตัวกัน ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น ถามว่ายังไม่ถึงจุดที่ต้องเลือกระหว่างงานกับแฟนใช่ไหม ไม่ๆ ค่ะ”
รู้สึกเหมือนเราไม่อยากเปิดเรื่องความรัก
“เขาไม่ใช่คนในวงการ เป็นการเซฟเขาไหวนิดนึง ถามว่าเขาอยากให้ไหม เขาเป็นคนที่ชอบอยู่เงียบๆ ประมาณนั้นค่ะ”