หลังถูกดดันอย่างหนัก ประธาน กกต.ก็ส่งสัญญาณหนักแน่น จะรับรอง ส.ส.เร็วกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ยังไม่ฟันธงว่าเป็นวันไหน มีการคาดเดากันว่า น่าจะเป็น 21 มิ.ย. ขณะเดียวกันสำนักงานเลขาฯ ก็เตรียมห้องให้ ส.ส.ป้ายแดง รับเอกสารไปรายงานตัวต่อสภา ตั้งแต่วันที่ 20 เป็นต้นไป
ทำให้เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะจะได้มีสภาผู้แทนราษฏรเป็นทางการ จะได้โหวต “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เสียที หลังแจกโชคสามศูนย์ ให้คนไทยได้ชื่นใจไปแล้ว แต่หลังจากนี้ก็ยังต้องเอาใจช่วย “พิธา” กันต่อ เพราะแม้จะผ่านด่านคุณสมบัติจาก กกต. ได้เข้าสภาไปก่อน ก็ใช่ว่าจะจบเสียทีเดียว
เพราะการประกาศรับรองส.ส.อาจเป็นในรูปแบบปล่อยไปก่อน เพื่อคลายกระแสสังคมกดดัน แล้วค่อยตามสอยทีหลัง ในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสมก็ได้เพราะ กกต.ยังมีอำนาจ และมีช่องทาง รวมถึงกับดักอื่น ที่ซ่อนอยู่ในรัฐธรรมนูญ ที่พรรคก้าวไกล และแนวร่วมพยายามแก้ไข อยากยกเลิกมาตลอด 4 ปี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
ไม่ต้องสงสัยว่าขวากหนาม หรืออุปสรรค ที่จะสกัด “พิธา” ไม่ให้เป็นนายกฯ หลัง กกต.รับรอง ส.ส.ยังจะมีอะไรอีก เพราะแค่คุณสมบัติถือหุ้นสื่อเรื่องเดียวก็ยังมีอีกหลายช่องให้ดำเนินการ ทั้งยื่น ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง หรือยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่ยื่นผ่านประธานสภา ก็สามารถทำได้ทั้งหมดเว้นแต่หลักฐาน คำสั่งศาลที่แสดงต่อ ปปช.ในการถือครองหุ้น ฐานะผู้จัดการมรดก จะชัดเจนหมดจดเท่านั้น ข้อกังหามาตรา 98 (3) จึงจะหมดไป และไม่สามารถดำเนิการได้อีกในทุกช่องทาง
รวมถึงมาตรา 151 รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ ก็จะหมดไปด้วย แต่หากยังมีใครข้องใจ กระบวนการต่างๆก็จะเดินไปจนสุดทาง และจบที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ขณะคดียุบพรรคก้าวไกลในหลายๆเรื่อง กกต.ยกคำร้องไปแล้ว แต่กลับมีคดีใหม่มาพัวพันอีก ทั้งเรื่องล้มล้างการปกครอง ที่มีนักร้องไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงแล้ว หรือ เรื่องแบ่งแยกดินแดน ที่ “นักร้องเจ้าเก่า”ศรีสุวรรณ” ที่กลับมาในมาดใหม่ ก็ยื่นถึงกกต.แล้วเช่นกัน คดีเหล่านี้ มองเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมาได้ในจังหวะที่กำลังจะรับรอง ส.ส.พอดี เหมือนนัดกันไว้
และอาจเป็นอุปสรรคขัดขวาง”พิธา”อีกครั้ง รวมไปถึง ด่านสุดท้าย คือ ส.ว. ที่ก้าวไกล และ “พิธา” ต้องการเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 64 คน ก็ยังไม่มีสัญญาณบวกเอาเสียเลยว่าจะยกมือให้ “พิธา” ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และด่านของเสียง ส.ว.นี้ ถือเป็นด่านที่ผ่านยากที่สุด เพราะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส.ว.แสดงให้เห็นมาแล้ว ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเกือบทุกครั้ง
ไม่ว่าจะมาจากพรรคก้าวไกล หรือพรรคอื่นๆ จะโดน ส.ว.คว่ำตลอด ดังนั้น การที่ “พิธา” จะได้เสียง ส.ว.มาสนับสนุนจนครบ 376 เสียง เพื่อเป็นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นั้นจึงยากมาก ยากกว่าการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเสียอีก และทางเดียวที่อาจจะเป็นไปได้ คือต้องหวังกับเสียง ส.ส.ฝ่ายตรงข้าม ที่มีหัวใจประชาธิปไตย น้อมรับในเสียงของประชาชน มาโหวตช่วย”พิธา” น่าจะง่ายกว่าการหวังเสียงของ ส.ว.นั่นเอง