จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา

Home » จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา

อากาศร้อนระอุอย่างในเมืองไทย ทำให้สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนวิ่งเข้าที่ร่มในอาคารกันเป็นว่าเล่น หลายคนออกจากบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น และอยู่ในตึกตลอดทั้งวันจนกลับบ้านก็อยู่ในรถยนต์ หรือกว่าจะกลับก็พระอาทิตย์ตกดิน หลายอาชีพต้องใส่สูท เสื้อแขนยาวตัวหนา ปกปิดผิวหนังจากแสงแดดเข้าไปอีก เสาร์อาทิตย์ก็เลือกที่จะนัดเจอเพื่อนในตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน พฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า แม้ว่าจะเป็นเมืองไทยที่มีแสงแดดอยู่ตลอดทั้งปี ประชาชนชาวไทยหลายคนก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะให้ผิวหนังโดนแสงแดด เพราะค่านิยมผิวขาว กลัวร้อน กลัวมะเร็งผิวหนัง ไปจนถึงวิถีการใช้ชีวิตที่ทำให้ผิวหนังไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดดอย่างไม่ตั้งใจ

ทีนี้มาพูดถึงเรื่องของข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่แต่ในที่ร่มกันดีกว่า เมื่อไรก็ตามที่ผิวหนังของเราแทบจะไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดในยามเช้า สัมผัสแต่กับแสงจากไฟในอาคาร เราอาจเข้าสู่ภาวะเสี่ยงพร่อมวิตามินดี (ภาวะพร่อง คือไม่ขาด แต่น้อยมากจนเกือบจะไม่เพียงพอ) ที่น่าแปลกใจคือในประเทศไทยที่มีแสงแดดอยู่ตลอดทั้งปีทุกฤดู ยังพบคนไทยที่อยู่ในภาวะพร่อมวิตามินดีเยอะมาก

>> อ่านข้อมูลจาก นพ.ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการคลินิก และแอนไทเอจจิ้ง โรงพยาบาลรามาธิบดี

เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะพร่อง หรือขาดวิตามินดีไป จะเกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง? เริ่มตั้งแต่เรื่องของมวลกระดูก และกล้ามเนื้อที่อาจจะไม่สมบูรณ์แข็งแรงเท่ากับคนที่ได้รับวิตามินดีมากเพียงพอ ดังนั้นจึงอาจจะมีกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงจนเสี่ยงหกล้มได้บ่อยกว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า วิตามินดีเป็นวิตามินที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งถึง 4 ชนิดคือมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม เพราะวิตามินดีเป็นวิตามินตัวหนึ่งที่ช่วยควบคุมการแบ่งเซลล์ในร่างกายให้ปกติ ถ้าขาดวิตามินดี ระบบการควบคุมการแบ่งเซลล์ในร่างกายนั้นก็จะผิดปกติ รวมทั้งถ้าร่างกายมีวิตามินดีเพียงพอ จะช่วยให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารฆ่าเชื้อโรค วิตามินดีจึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ให้กับร่างกายด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินดีกับมะเร็ง จากการตรวจค่าวิตามินดีในผู้ป่วยมะเร็งพบว่าผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มีค่าวิตามินดีต่ำ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่บอกว่าการขาดวิตามินดีทำให้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง

สำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดอย่างเห็นได้ชัด คลุกตัวอยู่ในแต่ห้องมืดๆ ที่ปิดหน้าต่างปิดม่านตลอดเวลา ยังมีความเสี่ยงที่จะขาดฮอร์โมนบางชนิด เพราะในแสงแดดเมื่อสัมผัสกับผิวหนังจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอรโมนหลายชนิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเมลาโทนิน ที่ช่วยให้เราหลับง่ายหลับสบายจนครบรอบของการนอนหลับ (อ่านเรื่อง sleep cycle ได้ที่นี่) หรือว่าจะเป็นฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่า (คนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งจึงเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใส และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา) ดังนั้นคนที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดด จึงอาจเสี่ยงที่จะประสบปัญหานอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท หรืออาจถึงขั้นเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าได้ด้วย

วิธีเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายก็ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก คือการออกไปข้างนอกอาคารเพื่อให้ผิวหนังของเราสัมผัสกับแสงแดดในเวลา 9.00-15.00 น. เป็นเวลา 5 นาทีทุกวัน จะช่วยเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายได้มากถึง 90% ซึ่งการให้ร่างกายได้สังเคราะห์วิตามินดีจากชั้นใต้ผิวหนังเอง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากใครยังกังวลในเรื่องของแสงแดดที่ร้อนแรงเกินไปในบ้านเรา แม้ว่าจะทาครีมกันแดดแล้วก็ยังไม่กล้าออกไปให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดตรงๆ ลองเลือกวิธีเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายผ่านอาหารการกินได้ โดยเมนูที่มีวิตามินดี ได้แก่ น้ำมันตับปลา ปลาเทราท์ นมสด ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาซาดีน แฮม ไข่ปลาคาเวียร์ ไข่ไก่ เนื้อหมูสับ เนื้อไก่ เห็ดหอม เนื้อไก่งวง ชีส เป็นต้น แต่การทานอาหารที่มีวิตามินดีก็ยังช่วยให้ร่างกายมีวิตามินดีเพิ่มขึ้นเพียง 10% เท่านั้น

ดังนั้น การทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการออกไปเดินเล่น เล่นกีฬากลางแจ้ง รดน้ำต้นไม้ ซักผ้าตากผ้า ตัดหญ้า ว่ายน้ำ เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน/สาธารณะ หรือกิจกรรมอื่นๆ ในช่วงตอนกลางวันเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 5 นาทีต่อวัน ก็ช่วยให้คุณไม่เสี่ยงต่อภาวะพร่องวิตามินดีได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ