ต้นไม้ใหญ่ล้มทับบ้าน แม่เสียชีวิตคาที่ พ่อต้องพาลูกน้อย 3 คน เจ็บสาหัส ส่งโรงพยาบาล ก่อนหนูน้อยจะฟื้นมาถามว่า แม่เจ็บหนักไหม
กรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ นุช/สาวกระเหรี่ยง เล่าเหตุการณ์ ครอบครัวน้องอุบัติเหตุ ต้นไม้ล้มทับทั้งครอบครัว มีพ่อแม่ และลูก3 แม่เสียชีวิต น้อง 3 คนสาหัส คำแรกที่น้องลืมตาแล้วถามว่าแม่เจ็บหนักมั้ย น้องยังไม่รู้ว่าแม่ไม่อยู่แล้ว ขอให้หนูหายไวนะเด็ก ๆ ทั้ง3 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ล่าสุดวันที่ 23 พ.ค. 66 คุณนุช ญาติผู้บาดเจ็บ เปิดเผยกับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า วันเกิดเหตุทางครอบครัวนอนอยู่ในบ้าน จนเวลาประมาณตี4 ฝนตกและทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังบ้านล้มทับบ้านพังเสียหาย จนทำให้ครอบครัวที่นอนหลับอยู่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยลูกน้อย 3 คน สาหัส แต่แม่เสียชีวิตคาที่ ส่วนพ่อไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนทางหมู่บ้านและคุณพ่อจะรีบนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งช่วงอาทิตย์ที่แล้วฝนก็จะตกตลอด แต่ไม่ค่อยมีลม และแถวนั้นจะมีต้นไม้ค่อนข้างเยอะ ครอบครัวนี้เป็นผู้ลี้ภัยเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ เป็นหมู่บ้านที่ติดกับชายแดนอพยพ ได้แค่ 2 อาทิตย์ ก็มาเกิดเหตุ
เมื่อน้องคนโตฟื้นขึ้นมาก็ได้ถามกับตนว่าแม่สาหัสไหม ตอนนั้นตนยังไม่อยากให้น้องรับรู้เพราะว่าน้องเพิ่งผ่าตัดสมอง จึงบอกกับน้องไปว่า แม่หนูปลอดภัยแม่รออยู่ที่บ้าน น้องก็โอเครับรู้ ส่วนน้องคนเล็กก็จะร้องไห้หาคุณแม่พี่คนโตก็คอยบอกกับน้องว่าแม่ไปรักษาอยู่อีกตึกหนึ่ง สำหรับอาการตอนนี้น้องคนแรกอายุ 11 ขวบ มีอาการเลือดคลั่งในสมอง ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว หมอให้กลับบ้านได้วันนี้
แต่ตอนแรกคุณหมอแจ้งว่าหลังจากการผ่าตัดไม่รับประกันว่าจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่าโชคดีมาก เพราะว่าจากการที่พูดคุยกับน้องก็สามารถโต้ตอบได้ คงต้องใช้เวลา น้องคนที่2 อายุ 8 ขวบ ยังคงอยู่ในอาการมึนๆยังไม่ค่อยดีขึ้น ตอนนี้กำลังเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนคนที่3 น้องคนเล็กอายุ 3 ขวบ อีกประมาณวันถึง 2 วันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วซึ่งน้องคนเล็กค่อนข้างร่าเริงกว่าพี่น้อง จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไร
คุณนุช กล่าวต่อว่า ตอนนี้สภาพจิตใจของทางครอบครัวพ่อของน้องเองก็ดูเข้มแข็ง แต่เวลาน้องพูดได้หรือถามถึงแม่ คุณพ่อก็ยังมีซึม ๆ อยู่บ้าง แต่ก็พยายามเข้มแข็ง แต่สภาพจิตใจของน้องตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรู้อะไร เพราะว่ายังไม่ได้บอก และตนได้คุยกับคุณพ่อของน้องว่าถ้าเกิดว่าวันนึงน้องถามหาแม่จะให้บอกว่าอะไร ซึ่งตอนนี้ก็ต้องบอกกับน้องว่าแม่กลับบ้านไปก่อน
ส่วนเรื่องบอกความจริงนั้นต้องรอให้น้องผ่านช่วงนี้ไปก่อน ให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติให้ได้ก่อนเพราะว่าตอนนี้น้องยังมีอาการมึน ๆ หลงลืมอยู่บ้างและเคยถามกับน้องไปว่ารู้ไหมว่าไปโดนอะไรมาน้องก็ตอบว่าไม่รู้ ซึ่งด้านคุณพ่อก็ให้กำลังใจลูก พูดกับลูกว่าเขากำลังจะทำให้หนูเป็นหุ่นยนต์แล้วหัวเราะกัน เพื่อไม่ให้ลูกเครียด แต่เขาก็สงสัยอยู่บ้างว่าเขาไปโดนอะไรมา ใครเป็นคนตีหัวเขา
ชีวิตไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ตนกับน้องไม่ได้เป็นน้าหลานแท้ ๆ เป็นแค่ญาติห่าง ๆ เป็นเพื่อนบ้านเฉย ๆ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตนก็เข้ามาช่วยเต็มที่ ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย ไม่ได้หลับได้นอนเต็มที่ตั้งแต่เกิดเรื่อง เราอยู่ในสถานการณ์ เห็นสภาพจิตใจเห็นทุกอย่างเวลาน้องถามหาแม่เรารู้สึกหดหู่มาก มีอยู่วันหนึ่งน้องคนเล็กฟื้นขึ้นมาแล้วพูดว่า แม่จ๋าหนูเจ็บ แม่จ๋าหนูเจ็บ อยู่หลายรอบ ทำให้เราก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวร้องไห้ต่อหน้าน้อง
ที่จริงมันไม่ควรทำแต่ว่ามันอดไม่ได้จริง ๆ ตัวน้องคนเล็กก็มองแล้วทำหน้างงว่าเราเป็นอะไร ก็ทำได้แค่ตอบว่าเดี๋ยวแม่มานะลูกเพื่อปลอบใจน้อง เรารู้สึกหดหู่มาก ทั้งสงสาร ทั้งเอ็นดู ทุกอย่างมันรวมอยู่ในนั้นหมดเลย
ทั้งนี้ ทางครอบครัวนี้ไม่มีใครสามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ต้องสื่อสารผ่านตนทั้งหมด ทางครอบครัวก็เป็นห่วงน้องมากและโทรหาตนตลอด เพื่อสื่อสารกับคุณหมอและตัวน้องเอง