‘เสรี’ ลั่นไม่เลือก ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ถ้าแตะ มาตรา 112 ขู่อย่าคิดว่ามีเสียงข้างมากแล้วจะเหลิง ก้าวไกล ได้ 14 ล้านเสียง ไม่ใช่ฉันทามติอะไร
วันที่ 16 พ.ค.2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้ส.ว.โหวตสนับสนุนพรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งอันดับ1 ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ต้องดูการรวบรวมเสียงของพรรคก้าวไกลจะรวบรวมเสียงได้ 310 เสียงจริงหรือไม่ ขณะนี้เป็นแค่การพูดฝ่ายเดียวจากพรรคก้าวไกล แต่พรรคอื่นๆยังไม่มีใครแสดงเจตจำนงตอบตกลงร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
หลังจากรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ส.ว.ก็จะพิจารณานโยบายต่างๆ ของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้ามีการยกเลิกหรือแก้ไขเรื่องสำคัญอย่างมาตรา112 ตนไม่สามารถโหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯได้แน่ ไม่ใช่แแค่เฉพาะนายพิธา แม้แต่เสนอชื่อคนพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ามีนโยบายแตะต้องมาตรา 112 ก็ไม่โหวตให้เช่นกัน
“การจะเข้ามาบริหารประเทศต้องไม่มีเรื่องกระทบความมั่นคง สถาบัน การบอกว่า แก้ไขแต่ไม่ยกเลิกเป็นแค่การเล่นคำ เท่าที่ฟังเสียงส.ว.ส่วนใหญ่ ก็ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขมาตรา112 ถ้าปล่อยให้แก้ไขมาตรา112 คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องต่อต้าน และเกิดความขัดแย้งวุ่นวายอีก”นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ส.ว.ไม่โหวตให้เสียงข้างมากได้ครบ 376 ในการโหวตนายกฯ จะถูกมองเป็นการขัดขวางการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ก็ให้มองกันไป ส.ว.ไม่ได้คิดว่ารวมเสียงแล้วจะได้เท่าไร แต่อยู่ที่จะใช้อำนาจทำอะไรให้ประเทศ อย่าคิดว่ามีเสียงข้างมากแล้วจะเหลิง ลุแก่อำนาจทำอะไรก็ได้ ควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ สร้างสามัคคี เพราะคะแนนที่ได้มา ไม่ใช่คะแนนทั้งประเทศ
พรรคก้าวไกลได้คะแนน 14 ล้านเสียง ก็ไม่ใช่ฉันทามติอะไร เพราะพรรคอื่นๆก็ได้คะแนนหลักล้าน เป็นเสียงจากประชาชนเช่นกัน ถ้าคิดจะสร้างกระแสกดดันส.ว.ให้ลงมติตามที่ต้องการ โดยอ้างฉันทามติมาเป็นกระแสกดดัน รับรองว่า ไม่สามารถมากดดันส.ว.ได้ เราพร้อมใช้อำนาจหน้าที่อย่างเหมาะสม ถูกต้อง