บิ๊กป้อม ทิ้งทวนโค้งสุดท้าย อ้อนเลือกพลังประชารัฐ ลั่นขอนั่งนายกฯ เป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิต ยิ้มรับ ‘ชูวิทย์’ อวยพร ย้ำจุดยืนหนุนกัญชาทางแพทย์เท่านั้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 พ.ค.2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมกรรมการบริหาร และแกนนำพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลผู้สมัคร กทม. นายวราเทพ รัตนากร กรรมการยุทธศาสตร์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนลงคะแนน
โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายอุตตม สาวนายน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อมสมัคร ส.ส.กทม.33 เขต ร่วมงาน ท่ามกลางประชาชน กองเชียร์ที่มารับฟัง ประมาณ 3,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคได้ปราศรัยชูนโยบายพรรค และผลงานที่ผ่านมาของพล.อ.ประวิตร ทั้งเรื่องการแก้หนี้นอกระบบ แก้เศรษฐกิจและแก้ปัญหาน้ำ รวมถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง
นายวราเทพ กล่าวตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเราเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และมีพรรคร่วม 19 พรรค แต่หัวหน้าพรรคเราไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ แต่วันนี้หัวหน้าพรรค มีโอกาสเป็นนายกฯ แล้ว และคิดว่าสามารถทำได้ในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง โดย 4 ปีที่แล้ว มีพรรคเดียวที่ชนะใจคนทุกภูมิภาค คือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีส.ส.ทุกภาค รวมทั้งมีส.ส.กทม. 12 คน เป็นเพียงพรรคเดียว และได้ส.ส. 116 คน ในครั้งนี้ขอให้ทุกคนพิสูจน์ว่า คนกทม.จะเลือกกลับมาเป็น 2 เท่า เชื่อมั่นว่าทางออกของประเทศจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีผู้นำที่ตั้งใจ และเดินทางไปดูแลประชาชนครบทุกจังหวัด อย่างพล.อ.ประวิตร
จากนั้นเวลา 15.40 น. พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวพล.อ.ประวิตร โดยมีผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน ถือธงนำพล.อ.ประวิตร เดินเข้าอาคาร ซึ่งพล.อ.ประวิตร มีท่าทีกระฉับกระเฉง หน้ายิ้มแย้ม และโบกมือทักทาย ให้ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย รวมถึงติดไมค์ลอยสำหรับปราศรัย
พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยปิดเวทีว่า “ทุกนโยบายที่หาเสียงไว้ ขอสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ เพราะผมเป็นคนที่ไม่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ผมมีเพียงภารกิจเดียว และเป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิต คือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย ขอให้ทุกคนช่วยกัน”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สามารถพูดคุยกับทุกคน รับฟังความคิดเห็นต่างได้จากทุกฝ่ายได้ โดยไม่มีอคติใดๆ ตนและพรรคพลังประชารัฐ มุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาของประชาชนในทุกเรื่องให้ได้ รับรองว่าเราจะก้าวไปด้วยกัน ทุกนโยบายที่รับปากประชาชน เมื่อทำหน้าที่เป็นนายกฯ ตนจะทำทันที ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าตนทำได้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นพรรคพลังประชารัฐ และผู้บริหารของพรรคจะทำงานเพื่อประชาชนทุกคน
ขอให้เลือกตนและพรรคพลังประชารัฐ ประเทศชาติจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ค้าขายจะเจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย วันที่ 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาเบอร์ 37 “เลือกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งพร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน”
จากนั้นได้ปิดเวทีปราศรัยในเวลา 16.00 น. ซึ่งหลังจบการปราศรัย พล.อ.ประวิตร ได้เดินออกไปพบกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่มาดักรอหน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อสอบถามจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาเสรี โดยนายชูวิทย์ สอบถามว่าหากพล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ จะแก้ปัญหาเรื่องกัญชาอย่างไร
โดยพล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนสนับสนุนแต่การนำนโยบายกัญชามาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่ใช้เสรี ไม่ใช้เสพ จากนั้นนายชูวิทย์ ได้ยกมือไหว้พร้อมอวยพรให้ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ซึ่งพล.อ.ประวิตร ยิ้มรับ พร้อมกล่าวว่า “คุณก็เลือกผมสิ” จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้เดินทางกลับทันที