เศรษฐา ไม่ปิดประตูจับมือ ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ กั๊กจับมือก้าวไกล อ้างขอดูคะแนนเสียงก่อน ปลุกประชาชน กาเพื่อไทย 2 ใบ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2566 ที่สิริ แคมปัส นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับข่าวสดออนไลน์ หากนายเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรืออยู่ในฝั่งรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้ง 1 ปีแรก หรือภายใน 4 ปี ประชาชนจะเห็นอะไรจากพรรคเพื่อไทยบ้าง ว่า เรื่องแรกคือการดูแลเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชน เศรษฐกิจโดยรวม
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า สนับสนุนสมรสเท่าเทียม สมัครใจเกณฑ์ทหาร หรือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มีกฎในการอยู่ร่วมกัน อยากเห็นจีดีพีของไทยในปี 2567 เติบโตอย่างน้อย 5% หรือสูงกว่านั้น พรรคเพื่อไทยมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจสูงมาก ฉะนั้น หากเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เราพร้อมจะดำเนินการทันที
เมื่อถามว่าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พอใจกับการหาเสียงที่ผ่านมาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มี 2 เรื่อง คือ 1.วิธีการปราศรัย ตนเป็นมือใหม่ การหาเสียงช่วงต้นๆ ยังประหม่าอยู่ ถ้าย้อนเวลาไปได้คงใช้สมาธิและลงรายละเอียดนโยบายมากยิ่งขึ้น 2.เวลาไม่พอ หากมีเวลามากกว่านี้จะได้ไปพบประชาชนให้ครบทุกจังหวัด เพราะเป็นการสื่อสาร 2 ทาง เกิดการถกเถียง หาทางออกร่วมกัน ที่ผ่านมายังไม่มีอะไรเฟอร์เฟกต์ ประเมินให้คะแนนตัวเอง 7 เต็ม 10 คะแนน
เมื่อถามว่า มีกลยุทธ์อะไรที่จะดึงคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหนให้มาเลือกพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า พลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เราต้องลงไปนวดนโยบายให้ชัดเจนขึ้น การเลือกตั้งแบบยุทธศาสตร์คืออะไร สิ่งที่ประชาชนพบเจอมา 8 ปี เป็นความหายนะของประเทศชาติอย่างไร ต้องให้ชัวร์ว่าถ้าเลือกเพื่อไทยแล้วได้อะไร
“วันที่ 14 พ.ค. เข้าคูหากาเพื่อไทย ทั้ง 2 ใบ ประเทศเปลี่ยนทันที เราอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เราอยู่บนบริบทประเทศไทยที่เจอปัญหามา เรามีบุคลากรพร้อม เรามีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน มีนโยบายที่โดนใจประชาชน เรามีประวัติมากว่า 20 ปี ในการเลือกตั้งได้รับการยอมรับมากที่สุด” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจเป้าหมายแลนด์สไลด์หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าเราได้เสียงส่วนมาก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพลังเงียบ อยากเชิญชวนเลือกตั้งแบบยุทธศาสตร์ให้ชัวร์ โดยเลือกพรรคเพื่อไทย และอยู่บนพื้นฐานความจริง ไม่อยู่บนพื้นฐานของการฝัน
เมื่อถามว่า ช่วงใกล้เลือกตั้งเริ่มมีการใช้วิชามาร ทั้งซื้อเสียงหรือปราศรัยโจมตีคู่แข่ง จะส่งผลอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การเมืองพัฒนาไปมากแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ มั่นใจว่าประชาชนมีวุฒิภาวะ อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า ฉะนั้น คนที่ออกวิชามารเหล่านี้มาก็จะพบเจอเรื่องไม่ดีเอง
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึง 310 เสียง จำเป็นต้องจับมือพรรคอื่น พูดชัดได้หรือไม่ว่า พรรคก้าวไกล คือตัวเลือกอันดับหนึ่ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีอันดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคะแนน และรายละเอียดนโยบาย เช่น ยกเลิกเกณฑ์ทหาร การแก้มาตรา 112 แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า ถ้าจำเป็นต้องจับมือข้ามขั้ว เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ จะอธิบายประชาชนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ต่างคนต่างมีอุดมการณ์ เราต้องเลือกข้างที่จะทำงานด้วยกันได้มากที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงมากกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ปิดประตูจับมือพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ปิด แต่ลำดับความสำคัญของเรา คือ พรรคที่มีนโยบายเหมือนกันก่อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ยังมีนโยบายที่เราไปด้วยกันได้บ้าง แต่บางเรื่องต้องมาชี้แจง
เมื่อถามว่ามองเรื่องกระแสตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เชื่อว่าประชาชนไม่รับ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะในกลไกรัฐสภา เสนออะไรมาก็ถูกตีตกหมด แล้วประเทศจะเดินไปได้อย่างไร พรรคเพื่อไทยจึงรณรงค์ให้เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เลือกให้ชัวร์ เราต้องมีคะแนนเสียงมากพอ เพื่อไม่พึ่งเสียง ส.ว. เพราะถ้าไม่มี ส.ว. โหวตนายกฯ รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็จะถูกปิดประตู ประเทศไทยบอบช้ำมานานมากแล้ว เราเชื่อว่าทุกคนอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยตอบโจทย์
“การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ อยากให้ออกมาใช้เสียงกันเยอะๆ เพื่อสะท้อนความต้องการของประชาชน ประเทศบอบช้ำมามากในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้น วันที่ 14 พ.ค. นี้ เราต้องตื่นขึ้นมาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่ความฝัน เลือกพรรคเพื่อไทย กา 2 ใบ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน นายกฯ มาจากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเพื่อไทยได้เสียงส่วนมาก ไม่มีเหตุผลใดทั้งสิ้นที่นายกฯ จะมาจากพรรคอื่น นายกฯ ต้องมาจากเพื่อไทย ต้องเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต ซึ่งเราทั้ง 3 คน พร้อมที่จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี