อะตอม สัมพันธภาพ เคยหลงเชื่อคอร์สไลฟ์โค้ช แฉไม่ได้สมถะ สูญเงินร่วมแสน “แตงโม-แต๊งค์” เคยเตือนแล้ว ใครตีตัวออกห่างโดนนินทาลับหลัง
นักแสดงหนุ่ม “อะตอม สัมพันธภาพ” ได้เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิง ว่าครั้งหนึ่งเคยหลงเชื่อและเสียเงินให้กับไลฟ์โค้ช ซึ่งเพื่อนสนิท แตงโม ภัทรธิดา เคยเตือนแล้ว
“ที่ผมได้เข้าไปเรียน เพราะว่าแฟนเก่าผมเขาเป็นลูกศิษย์ เขาเป็นแพนิกเลยเข้าไปเรียนเป็นคอร์ส แล้วทีนี้เขาได้มีการเปิดอบรมฟรี ผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังในช่วงนั้น ก็เข้าไปฟังฟรี เสร็จแล้ว แฟนเก่าผมก็เรียนต่ออีก 2-3 คอร์ส แต่ว่าคอร์สหนึ่งต้องจ่ายประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ยิ่งคอร์สสูงขึ้นก็แพงขึ้นด้วย
แต่พอผมได้เขาไปสัมผัส ผมก็กลับมาศึกษาจากหนังสือของไลฟ์โค้ชต่างประเทศ ก็รู้สึกว่าทำไมมันเหมือนของต่างประเทศเลยทั้งๆ ที่ประเทศเขาทำมาก่อน ในหลายๆ เรื่อง แต่ผมจำไม่ได้ว่าหนังสืออะไร เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมัน 10 กว่าปีแล้วมันนานมาก”
อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องออกมาพูดเรื่องนี้ ทั้งที่ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว? “หลังๆ ผมหันมาสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้น ที่ผมออกมาพูด เพราะผมมองว่าชีวิตคนเรา บางทีมันไม่จำเป็นที่จะต้องไลฟ์โค้ช แล้วต้องไปเรียนต่อๆ ไป เราเดินสายธรรมะ มันก็มีปรัชญาชีวิตในหลายเรื่องเหมือนกัน มีวิธีการคิด การวางตัวในสังคม เลยคิดว่ามันน่าจะมาทางนี้ดีกว่า ไม่น่าจะให้คนๆ หนึ่งไปชี้แนะ
คนที่มีชื่อเสียงหลายคนที่ออกมาแล้วก็โดนพูดลับหลัง แล้วบางคนที่เคยมาเรียนครั้งหนึ่ง เขาก็เอารูปไปลงเหมือนเป็นลูกศิษย์ คือผมอยู่ทันช่วงที่มีดารา 2-3 ท่าน โทร.มาหาลูกน้องเขาว่าให้ช่วยลบรูปให้หน่อย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ เหมือนเอารูปเขาไปหากินว่าลูกศิษย์ฉันเป็นดารามีชื่อเสียง เราก็ยอมรับว่าลูกศิษย์เขาเป็นคนมีชื่อเสียงเยอะในวงสังคมในตอนนั้น ที่ผมเกิดเอะใจว่าทำไมคนสอนธรรมะ ความสมถะไม่มีเลย ต้องทำบุญเป็นหลักล้าน ทองคำเป็นกิโลโน่นนี่ แล้วมันจะเป็นแบบอย่างให้คนยากคนจนได้ยังไง”
ตอนที่ไปเรียน เขาสอนอะไรบ้าง? “ผมไปอบรม แต่แฟนเก่าผมไปเรียน ทุกครั้งที่ผมไปนั่งดูหรือการไปอบรม เขาจะมีเก้าอี้อีกตัวหนึ่งอยู่บนเวที เป็นโพเดียมอยู่บนที่สูง แล้วเขาก็เรียกลูกศิษย์บางคนขึ้นไปเวที เขาก็ให้นอนหลับตา แล้วเขาก็พูดเรื่องราวต่างๆ ลูกศิษย์คนนั้นก็คิดตาม บางคนถึงขั้นร้องไห้เลย โวยวาย แล้วก็มีลูกศิษย์หลายคนเข้าไปปลอบ เขาก็เหมือนได้ปลดปล่อย ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้นที่ผมเห็นนะ”
มีเรียกเก็บเงิน ให้บริจาคมั้ย? “ไม่มี ผมไม่เคยเห็น หรือเป็นเพราะผมออกมาก่อนก็ไม่รู้ แต่ว่าเมื่อก่อนหลังจากที่ผมไปอบรม ก็มาปรึกษาเพื่อนสนิทผม แตงโม ที่เสียชีวิตไปแล้ว ว่าสนใจไปเรียนหรือเปล่า มันดีนะ และไปปรึกษาแต๊งค์ด้วย เพื่อนก็บอกว่าอย่าเลย คือตัวผมเองยังคิดในใจว่าทำไมเพื่อนมองแบบนั้น แต่ว่าพอตอนหลังเกิดเรื่องเลยรู้ว่าเพื่อนฉลาดกว่าเรา (หัวเราะ) คือใครเข้าไปก็เคลิ้มหมด มีผู้กำกับฯ ที่สร้างภาพยนตร์ดังๆ หลายคนเลย ดาราดังหลายคนเข้าไป พาพี่พาน้องพาภรรยามาเรียน พอเขาออกไปก็ไปว่าเขาลับหลัง ผมก็เลยคิดว่าทำไมคนที่ไม่เรียนแล้วจะต้องโดนว่าลับหลังแบบนี้หมดเลยเหรอ นี่คุณจะเป็นไลฟ์โค้ชในการช่วยชีวิตคนให้มันดีขึ้นไม่ใช่เหรอ
ก็อยากจะเตือนคนที่อยากหาที่พึ่งทางใจ ให้คุณศึกษาเกี่ยวกับเรื่องธรรมะดีกว่า บาปบุญคุณโทษดีที่สุด อย่าให้ใครมาชี้นำว่าแบบนี้ดีไม่ดี”.