ศรีสุวรรณ ร้อง ผู้ว่าฯ สตง. สอบพรรคเพื่อไทย แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น ขัดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561 หรือไม่
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2566 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซ.อารีย์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจตาม มาตรา 244 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบมาตรา 6, 7, 8, 53 และ54 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2561 เพื่อตรวจสอบว่า นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่จะแจกเงินดิจิทัลให้กับคนไทยประมาณ 5.5 แสนล้านบาทนั้น เสี่ยงต่อการทำลายระบบวินัยการเงินการคลังของรัฐตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคเพื่อไทย หาเสียงโดยการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 55 ล้านคนๆละ 10,000 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ และก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ทั้งทางบวกและทางลบได้ และมีเสียงวิจารณ์อย่างมากว่าจะมีผลกระทบต่อวินัยทางการเงินการคลังของรัฐอย่างมาก ซึ่งอาจขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ประชาชนไม่อาจพึงพา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ เพราะมัวแต่เดินทางไปตรวจการเลือกตั้งที่ต่างประเทศ มีแต่ผู้ว่าฯสตง. ที่จะหาคำตอบให้กับคนไทยได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 244 กำหนดให้ผู้ว่าฯสตง. มีอำนาจและหน้าที่ตรวจสอบนโยบายการใช้จ่ายเงินที่อาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมได้ โดยทำความเห็นส่งหรือแจ้งไปยัง กกต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งจะทำให้ กกต. และ ป.ป.ช. ทำงานง่ายขึ้นในการวินิจฉัยนโยบายการหาเสียงดังกล่าวว่า จะผลกระทบต่อวินัยทางการเงินการคลังของรัฐ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพียงใด
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ จึงนำความมาร้องเรียนต่อผู้ว่าฯ สตง. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 ตรวจสอบนโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยว่า มีความเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐหรือไม่ หากมีความเสี่ยงก็ควรแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงิน การคลังของรัฐ