เศรษฐา ทวีสิน จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
พรรคเพื่อไทยประกาศแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 ไม่มีเซอร์ไพรส์ เป็นชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งบอกเองว่า “โอกาสจะมาลงที่ผมมันยาก” ก็เหลือแต่เศรษฐา แพทองธาร ซึ่งท้องแก่ใกล้คลอด
ความเป็นแม่ไม่ใช่อุปสรรค แต่เห็นชัดว่า เพื่อไทยใช้อุ๊งอิ๊งชูธงนำ ปลุกพลังและความเชื่อมั่น เป็นสัญลักษณ์ “สืบทอด” ครอบครัวชินวัตรไม่ไปไหน ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่ครั้งนี้สั่งสมประสบการณ์ไปก่อน ผ่อนแรงเสียดทาน จากนั้นค่อยๆ เฟดภาพมาชูเศรษฐาทีละนิดๆ เป็นภาพ CEO มืออาชีพ ที่ครอบครัวเพื่อไทยทำ Subcontract มาบริหาร
เศรษฐาจะเป็นนายกฯ ถ้าเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ซึ่งใครก็รู้ว่าเพื่อไทยจะชนะที่หนึ่ง เพียงไม่รู้ชนะเท่าไหร่ นักวิเคราะห์เก็งกันหยาบๆ 220 เก็งต่ำๆ 200 เก็งสูง 250 หรือเกินกว่าหน่อย แม้ไม่ถึง “ราคาปั่น” 310 แต่ถ้ารวมพรรคฝ่ายค้านก็เกินกึ่งหนึ่งของสภา โดยยังมีชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนากล้า รอผสม
ไม่กลัว 250 ส.ว.หรือ ก็มาสิครับ ถ้าผลเลือกตั้งเพื่อไทย+ฝ่ายค้านชนะถล่ม แล้ว ส.ว.ยังโหวตสวนหรืองดออกเสียง ม็อบคงท่วมเมือง ไม่ใช่แค่เสื้อแดงสามกีบ แต่ภาคธุรกิจ ชาวบ้านทั่วไป ก็ลุกฮือ เพราะเศรษฐกิจกำลังแย่ จะฉิบหายกันหมด ประเทศต้องการรัฐบาลใหม่ ถ้าดันทุรังโหวตรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือให้ประยุทธ์รักษาการไปเรื่อยๆ ใครจะทนไหว
ฝากบอก 250 ส.ว.ออกมาพูดเยอะๆ จะได้เข้าทางเพื่อไทย ยิ่งทำให้ประชาชนโกรธ ยิ่งหาเสียงง่าย ปลุกแลนด์สไลด์เพื่อเอาชนะ ส.ว.
ส่วนที่ว่าเพื่อไทยจะจับมือพลังประชารัฐ ยกเก้าอี้ให้ป้อม เหลวไหล การจับมืออาจเป็นไปได้ แต่ถ้าเพื่อไทยได้ ส.ส.200 กว่า พลังประชารัฐ 60-80 ยกเก้าอี้ให้กัน ก็คงถูกมวลชนถล่มจมธรณี
เศรษฐกิจเป็นปมสำคัญเอื้อให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เพราะ 4 ปีรัฐบาลประยุทธ์ ปัญหาปากท้องหนักหนาสาหัส ภาคธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านทั่วไป อยากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่
อันที่จริงประชาชนต้องการใครก็ได้ที่มีฝีมือบริหาร แต่เพื่อไทยพร้อมที่สุด หนึ่ง เป็นพรรคใหญ่พรรคเดียวที่สามารถเป็นแกนนำรัฐบาล สอง มีเครดิต หรือจะเรียกบุญเก่าก็ได้ ความสำเร็จไทยรักไทยยังจดจำเล่าขาน สาม ทีมเศรษฐกิจพร้อมกว่าพรรคอื่น “ฉีกซองกินได้ทันที” แถมหัวหน้าทีมก็เป็น CEO
เลือกตั้ง 62 เพื่อไทยได้ 136 ส.ส. เป็นจุดตกต่ำที่สุด 7.9 ล้านเสียง หากคิดหยาบๆ คะแนนเพื่อไทยในเขตไทยรักษาชาติถูกยุบ อาจเป็นครึ่งหนึ่งของอนาคตใหม่ 3.1 ล้าน รวมเป็น 11 ล้าน ก็ยังต่ำสุดอยู่ดี ถ้าเทียบเลือกตั้ง 54 ได้ 15.7 ล้าน เท่ากับคะแนน 5 ล้านหายตาม ส.ส.ย้ายพรรค (และไปกับอนาคตใหม่บางส่วน)
มีอะไรเปลี่ยน หนึ่ง กระแสเศรษฐกิจปากท้องต้องการรัฐบาลใหม่ จะดึง Swing Voters กาเพื่อไทย สอง การดึง ส.ส. ทั้งคนเก่าคนใหม่ สนธยา, สมศักดิ์, สุริยะ เสี่ยโรงมันโคราช
สองข้อนี้ คำนวณหยาบๆ ต่ำๆ เพื่อไทยสามารถหวัง ส.ส.เขต 160 คน
สาม กติกาเลือกตั้ง บัตรสองใบหารร้อย ที่พลังประชารัฐจับมือเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญ
“หารร้อย” ทำให้เพื่อไทยได้ ส.ส.เพิ่มจากการแยกคำนวณ ไม่เหมือนปี 62 ซึ่งเอาคะแนนทั้งประเทศกำหนด “ส.ส.พึงมี” จนเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์สักคน
ครั้งนี้ ถ้าเพื่อไทยได้ 14 ล้านเสียง ก็จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีก 40 คน
บัตรใบเดียว 62 ยังพันธนาการผู้ใช้สิทธิ เลือกคนเท่ากับเลือกพรรค ประชาชนที่จำเป็นต้องเลือก ส.ส.เพราะระบบอุปถัมภ์ ความผูกพัน ไม่สามารถเลือกพรรคที่ตัวเองนิยม
บัตรสองใบจะปลดล็อก ให้คนที่เลือก ส.ส. “บ้านใหญ่” เพราะจำเป็นต้องพึ่งพิง สามารถเลือกพรรคที่นิยม หรือพรรคที่กระแสสูง เช่นเลือกเพื่อไทย ก้าวไกล หรือเลือกรวมไทยสร้างชาติก็เป็นได้
ซึ่งคนเลือก ส.ส.เขตเพื่อไทยก็อาจเลือกปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกลได้เช่นกัน มีแนวโน้มสูงด้วยซ้ำ ยิ่งเปรียบเทียบรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 2 พรรค คงบอกได้ไม่ยากว่าใครน่าเลือกกว่า
ในทางกลับกัน กติกานี้ก็เข้าทาง “เลือกเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งเพื่อไทยหวังให้คนเลือกอนาคตใหม่ปี 62 เทคะแนนให้ ส.ส.เขตเพื่อไทย เอาชนะไว้ก่อน เพราะแยกบัตร 2 ใบแล้ว ไม่ต้องตัดคะแนนกัน
กระนั้น 2 พรรคก็มี FC แยกขาด มีบางส่วนเท่านั้นทับซ้อน และมองบางเขตในกรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือตัวเมือง “เลือกเชิงยุทธศาสตร์” อาจกลายเป็นเลือกก้าวไกลเพื่อเอาชนะไว้ก่อน
เขตเลือกตั้งเหล่านี้เก็งยากมาก เพราะในพรรคฝ่ายค้านอาจตัดกันระหว่างเพื่อไทยก้าวไกล ในพรรคฝ่ายขวาก็ตัดกันเองระหว่างประชาธิปัตย์กับรวมไทยสร้างชาติ
ในภาพรวมการเลือกตั้ง เพื่อไทยเป็นอันดับหนึ่งแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย แต่ยังประเมินยากว่าเท่าไหร่ เพราะในพื้นที่ เหนือ อีสาน ต้องแข่งกับภูมิใจไทย ในเขตเมือง ในปาร์ตี้ลิสต์ ต้องตัดกับก้าวไกล ซึ่งยิ่งคาดเดาได้ยาก
มองอีกด้าน เพื่อไทยเจอการแข่งขันที่ไม่เคยเจอมาก่อน ปี 44,48,54 แข่งกับประชาธิปัตย์ เป็นศึก 2 พรรคใหญ่ ปี 62 เป็นครั้งแรกที่เจออนาคตใหม่ หายใจรดต้นคอ
ปีนี้ลงสนามเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว “แชมป์ล่วงหน้า” แต่สู้หลายหน้า ปีกอนุรักษ์มีทั้งตู่ทั้งจืด การเมืองอุปถัมภ์คืนชีพ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ สี่ปีก้าวไกลก็สร้างผลงานในสภา ถือธงนำคนรุ่นใหม่ไปข้างหน้า
นั่นแหละจึงประเมินยากว่าเพื่อไทยได้เท่าไหร่ แต่ได้ที่หนึ่งแน่ๆ