บนเวที “เปลี่ยนใหม่ หรือ ไปต่อ:ตัวตึง” ของช่อง 3 สัมผัสได้ในสภาวะแปลกแยก
มิใช่ความแปลกแยกเมื่อ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จากพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
ต้องเผชิญกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล
หากแต่เป็นสภาพอย่างที่เรียกได้ว่า “เปลี่ยน” ไปอย่างเด่นชัดถนัดตาของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อันเป็น “ตัวตึง” จากพรรคเพื่อไทย
เปลี่ยนอย่างชนิดห่างไกลจาก “ตัวตึง”
บรรดาแฟนานุแฟน “พี่เต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยอมรับตั้งแต่วินาทีแรกที่ปรากฏ
นั่นก็คือ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่ออยู่บนเวทีนปช.ไม่ว่าเมื่อเดือนเมษายน 2552 ไม่ว่าเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
ยังแตกต่างไปจากที่เห็นผ่านช่องทาง “พีซทีวี”
และเชื่อได้อย่างมั่นใจว่าต่างอย่างชนิดเป็นคนละคนกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ออกลีลา “ลุงตู่อยู่ไหน ลุงตู่อยู่ไหน” บนเวทีปราศรัยที่นครปฐม
ถามว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต่างไปอย่างไร
คําตอบตรงเป้าที่สุดก็คือ ต่างในกระบวนท่า ต่างในท่วงทำนองและลีลาในการพูด
ภาพของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เห็นบนเวที “เปลี่ยนใหม่ หรือ ไปต่อ:ตัวตึง” แทบมิใช่ท่วงทำนองในแบบ “ตัวตึง” ตามความคาดหมาย
หากดำรงอยู่เหมือนกับเป็น “นักวิชาการ”
พูดจาด้วยความระมัดระวัง แต่ละประโยคแต่ละถ้อยคำคั้นกลั่นออกมาผ่านท่วงทำนองที่สุขุม เปี่ยมด้วยคัมภีรภาพคิดแล้วคิดอีกอย่างระมัดระวัง
ต่างไปจากความสบายๆ ในแบบ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
สถานะและหัวโขนอาจเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดบทบาท นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
แม้จะดำรงอยู่ในตำแหน่ง “ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย” แต่ก็เป็นการดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “ผู้ช่วยหาเสียง” ของพรรคเพื่อไทย
ตำแหน่งนี้ต่างหากที่ “ควบคุม” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ