ผบ.เหล่าทัพ พรึบ! ร่วมชมฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี “ฮาร์พูน” จากเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
วันที่ 28 มี.ค. 2566 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่ -พื้น แบบ Harpoon Block 1C โดย เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิงหลัก และ เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือยิงสำรอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ร่วมสังเกตการณ์บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ในพื้นที่ทะเลอันดามันโดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รอง ผบ.ทร. ในฐานะผู้อำนวยการ การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองอำนวยการฝึกฯ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับทั้งนี้ กองทัพเรือ จัดการฝึกกองทัพเรือ เพื่อดำรงความพร้อมของหน่วยต่างๆ ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ แบ่งการฝึกเป็นวงรอบทุก 2 ปี ตามสถานการณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พ.ย.2565 ถึง 22 มิ.ย. 2566 มีพื้นที่การฝึกทั้งในทะเลและบนบกแบ่งการฝึกเป็น 2 ส่วน คือ การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise: CPX) มีระยะเวลาการฝึกรวม 3 สัปดาห์ ทำการฝึกระหว่าง วันที่ 27 ก.พ. ถึง 17 มี.ค. 2566 มีวัตถุประสงค์ เพื่อฝึกการควบคุมบังคับบัญชา และทดสอบแนวความคิดในการใช้กำลังและหลักนิยมต่างๆ ของหน่วยบังคับบัญชาในระดับต่างๆ และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (Field Training Exercise: FTX)ทำการฝึกระหว่างวันที่ 20 มี.ค. – ถึง 12 พ.ค.2566 ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติการของหน่วยกำลังรบประเภทต่างๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล รวมทั้งเป็นการทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-พื้น แบบ Harpoon Block 1C ในครั้งนี้นอกจากนี้ ยังมีการฝึกในหัวข้อสำคัญ ที่จะทำการฝึกในห้วงต่อไป คือ การปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การยิงอาวุธประจำหน่วย และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกำลังภาคพื้นดิน ทั้งกำลังจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รวมทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศที่ได้จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ด้วย
ขณะเดียวกันมีการฝึกด้านการส่งกำลังบำรุง (Logistics Exercise: LOGEX) เพื่อทดสอบขีดความสามารถด้านการส่งกำลังบำรุงและการปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนต่างๆ พร้อมเชิญศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.) กองทัพบก และกองทัพอากาศ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในหัวข้อการฝึกต่างๆ
สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน พัฒนาโดยบริษัท McDonnell Douglas Astronautics Company ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาวุธปล่อยนำวิถี แบบ พื้น-สู่-พื้น และอากาศ-สู่-พื้น เพื่อใช้ทำลายเรือผิวน้ำ ด้วยความเร็ว 60 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง มีคุณสมบัติ ถูกออกแบบให้มีหัวรบมีอำนาจทำลายสูง ด้วยดินระเบิดขนาด 500 ปอนด์ สามารถโจมตีเป้าหมายซึ่งมองเห็นได้ หรือที่อยู่ไกลเกินขอบฟ้า สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆ สภาวะอากาศ
เครื่องค้นหาเป้ามีสมรรถภาพสูง ตรวจจับเป้าได้ในระยะไกล มีขีดความสามารถติดตามเป้าในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี ซึ่งระยะยิงของอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนที่ไกลที่สุด คือ 75 ไมล์ทะเล และสามารถค้นหาเป้าเรือผิวน้ำภายในพื้นที่รัศมีวงกลมได้มากกว่า 17,500 ตารางไมล์ สามารถทำการยิงได้จากเรือผิวน้ำ ด้วยการใช้แท่นยิงที่ติดตั้งบนเรือผิวน้ำ อาจจะเป็นแท่นยิงของตัวระบบฮาร์พูนเอง หรือแท่นยิงของระบบอาวุธอื่นๆ ซึ่งปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนได้
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เริ่มนำอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบพื้น-สู่-พื้น เข้าประจำการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยติดตั้งมากับเรือคอร์เวต ชุด เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ต่อมาได้ปรับปรุงเครื่องบินแบบ F-27 MK 200 เมื่อปี พ.ศ.2533 ให้สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบอากาศ-สู่-พื้น เพื่อใช้โจมตีเรือผิวน้ำ
ต่อมาเรือที่เข้าประจำการในกองทัพเรือหลายลำได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนเป็นอาวุธหลัก ได้แก่ เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร 2 ลำ (เรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสิน ปัจจุบันประจำการอยู่ในกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ) เรือฟริเกตชุด เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 2 ลำ เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย (ปัจจุบันปลดประจำการ)
โดยการยิงอาวุธปล่อย นำวิถี ฮาร์พูน ในครั้งนี้ ใช้เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิง มี พล.ร.ต.วรพาท รัตตะสังข์ ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมวดเรือ ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ซึ่งผลจากการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี สามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 55 ไมล์ (101.86 กิโลเมตร) ได้อย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาวุธปล่อยนำวิถีชนิดนี้
นอกจากนี้ การยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการยิงจากเรือที่ต่อขึ้นเองภายในประเทศ โดยเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 ที่กองทัพเรือขออนุมัติกระทรวงกลาโหมดำเนินการต่อขึ้นจากแบบเรือที่กองทัพเรือมีใช้ราชการ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ
ด้วยการน้อมนำและยึดถือการพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยใช้แบบเรือของเรือหลวงกระบี่ ที่กองทัพเรือได้ต่อขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2554 เป็นแบบพื้นฐาน