มท.1 ชี้ แก้ ฝุ่นพิษ เป็นอำนาจ ผวจ. รับประกาศภัยพิบัติทำยาก ไม่มีเกณฑ์วัดค่ารุนแรง

Home » มท.1 ชี้ แก้ ฝุ่นพิษ เป็นอำนาจ ผวจ. รับประกาศภัยพิบัติทำยาก ไม่มีเกณฑ์วัดค่ารุนแรง


มท.1 ชี้ แก้ ฝุ่นพิษ เป็นอำนาจ ผวจ. รับประกาศภัยพิบัติทำยาก ไม่มีเกณฑ์วัดค่ารุนแรง

“มท.1” ชี้ แก้ ฝุ่นพิษ PM2.5 เป็นอำนาจ ผวจ.- ผู้ว่าฯ กทม. รับประกาศภัยพิบัติทำยาก เหตุไม่มีเกณฑ์วัดค่าความรุนแรง ปิดประตูเคอร์ฟิว

28 มี.ค. 66 – ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า เดิมได้สั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าฯ กทม. ทำตามกรอบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษว่า ระดับไหนต้องเข้มงวด แหล่งกำเนิดส่วนใหญ่มาจากการเผา เราพยายามทำเต็มที่ เพื่อจะจับคนที่เผา และช่วยดับไฟ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่ายด้วย

ขณะนี้ถือว่าดีขึ้น จุดความร้อนลดลง มีเพียงด้านนอกที่ยังคงมีอยู่จำนวนมาก ส่วนระดับต่อไปจะเข้มงวดเรื่องการใช้ยานพาหนะ โดยจะขอความร่วมมือ แต่ยังไม่ถึงกับบังคับห้ามรถเข้าไปในเขตนั้นเขตนี้ เพราะต้องยอมรับว่า PM2.5 ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องการใช้ยานพาหนะ รองจากการเผาในที่โล่งแจ้ง

ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง เราก็เข้มงวดอยู่ ทั้งนี้ถ้าเราอยากให้สถานการณ์ลดลงก็ต้องร่วมมือกัน การจะให้เจ้าหน้าที่ไปไล่จับอย่างเดียวก็จะมีปัญหา เพราะส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่เผาไร่เผานา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า ต่อไปจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าคาดหวังว่าสั่งแล้วจะลดลง มันไม่ลดลงหรอก แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน อย่าง กทม. ผู้ว่าฯ บอกว่า หน่วยงานไหนทำงานที่บ้านได้ควรทำ ถ้าทุกคนช่วยกันมันก็ได้ เมื่อถามว่า มาตรการเฉพาะหน้ายังคงดำเนินการหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องฝนหลวง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ฝนหลวงมีการดำเนินการอยู่

เมื่อถามว่า จะมีการประกาศพื้นที่ประสบภัยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย เรื่องนี้หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ใดจะมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาว่าจะประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปในพื้นที่

แต่เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่ตนได้หารือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แต่อยากให้เข้าใจว่า กรณีฝุ่น PM2.5 ไม่รู้ว่าจะกำหนดด้วยอะไรค่าอะไร อย่างภัยหนาว กรมอุตุนิยมวิทยาจะรู้ว่ากี่องศาแล้วจะหนาวกี่วัน แต่ PM2.5 เป็นเรื่องยาก จะกำหนดค่าอย่างไรถึงจะประกาศเขตภัยพิบัติได้ จะประกาศทั้งจังหวัดหรือเป็นบางพื้นที่

ซึ่งจะตามมาด้วยการดูแลประชาชนว่า จะต้องดูแลอย่างไร เพราะยังไม่มีระเบียบออกมา มันคงยากและอาจกระทบไปถึงการท่องเที่ยวด้วย เพราะเมื่อประกาศภัยพิบัติแล้ว จะมีเรื่องของค่าประกันภัยของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมา สรุปคือ ยังไม่มีระเบียบที่จะประกาศว่า จะประกาศอย่างไร แต่ยอมรับว่ายังหารือกันอยู่

เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะดูแลประชาชนอย่างไร เพราะปัญหา PM2.5 ถือเป็นอันตรายต่อประชาชน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แต่ละพื้นที่ต้องพิจารณา กระทรวงมหาดไทยให้นโยบายไปแล้ว ยอมรับว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าโยนหรือไม่โยน แต่มันเป็นหน้าที่ของสองคนในประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ว่าฯกทม. ที่จะไปสั่งการได้หากประชาชนได้รับผลกระทบ

อย่างเช่นใน กทม. ถ้าเห็นว่า ไม่ไหวแล้วจะสั่งหยุดใช่รถก็ต้องสั่ง แต่ประเทศไทย ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าสั่งจะมีปัญหาแน่นอน ประชาชนจะไม่ยอมกัน

“แหล่งกำเนินรู้หมด แต่คุณไม่ทำกันเลย ไม่ร่วมมือกัน ต่อให้สั่งอย่างไรมันก็ไม่ได้ ผมจะไปสั่งให้คุณสั่งไม่ได้ คุณต้องพิจารณาเอง ไปพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการในจังหวัดของตัวเอง มีอำนาจอยู่แล้วทำได้เลย แต่ไม่ได้มีการสั่งจากส่วนกลางไป ถ้าในพื้นที่นั้นลงความเห็นร่วมกันว่า จะไม่ให้รถเข้าไปในเขตเมืองเลยก็ทำ”

เมื่อถามว่า กับประเทศเพื่อนบ้านมีการประสานงานกันหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า ทราบว่า มีการดำเนินการอยู่ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด เพราะไม่รู้ว่าคุยกันในเวทีใดร่วมมือกันอย่างไร

เมื่อถามว่า มีโอกาสถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก แต่ส่วนตัวเอาแค่หยุดยานพาหนะ หรือกำหนดไม่ให้ยานพาหนะเข้าแค่นี้ก็พอ

เมื่อถามว่า เรื่องยานพาหนะในส่วนของรัฐบาลจะทำเป็นตัวอย่างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ความจริงสมควร แต่ต้องไปคิดว่า เราจะมีเงินไปซื้อกันหรือไม่ หรือกรณีที่เป็นรถเช่าเราจะไปเปลี่ยนได้หรือไม่ แต่เห็นด้วยว่า รัฐบาลควรทำเป็นตัวอย่าง แต่ตอนนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงไม่สามารถดำเนินการได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ