เรียกว่าเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง เมื่อ 2 นักแฉรุ่นใหญ่ในวงการอย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ที่คร่ำหวอดในเรื่องของการแฉวงการตำรวจ การเมือง และการคอรัปชั่น ต้องมาโดนนักแฉรุ่นน้องอย่าง ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดโปงถึงประเด็น “แฉไปแถไป” โดยเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 66 ที่ผ่านมาประเด็นที่ ทนายตั้ม หยิบออกมาพูด นั้นคือเรื่องของ ถุงเงินปริศนา โดยในถุงนั้นมีเงินสดอยู่หลายปึก และกล่าวว่า
“คนที่คุณเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด หมดศรัทธา ไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้าทีละ 3 ล้าน สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ผมไม่อยากสวนกระแสนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ชื่นชมมาตลอด แต่พอรู้ความจริงแล้ว มันหมดรักเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าว ตีๆ แล้วไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง เราจะยกย่องคนแบบนี้เป็นฮีโร่จริงหรือครับ”
ทำให้ชาวเน็ตหลายคนสงสัยไปตามๆกันว่าการที่ ทนายตั้ม ออกมาแฉแบบนี้กำลังเล่นใครกันแน่ แต่ก็ไม่รอให้สงสัยนาน ทนายตั้ม เข้ามาคอมเมนต์เพิ่มเติมทันควันว่า “ตอนนี้พี่ชูวิทย์ก็รับแล้วนะครับ ว่ารับเงินสารวัตรซัว ที่แกรับเพราะแกพอจะเดาได้ว่าผมมีอะไรมากกว่านี้ แต่ยอดนี้จะเอาไปบริจาคจริงหรือเปล่า พรุ่งนี้รู้กัน”
ต่อมาในวันที่ 23 มี.ค. 66 ทั้ง 2 ฝั่งก็มีการตั้งโต๊ะแถลงโดย ทนายตั้ม แถลงในช่วงเช้าโดยกล่าวว่า “เงินดังกล่าวสืบเนื่องมาจากวันหนึ่งที่มีคนสนิทของสารวัตรซัว พร้อมด้วยตำรวจรายหนึ่งเข้าไปหาชูวิทย์ที่โรงแรม ซึ่งหากย้อนไปจะพบว่าตอนที่ชูวิทย์นำเงินไปมอบกลับบอกว่าเป็นเงินสะอาดแต่มาวันนี้กลับบอกเป็นเงินสกปรก”
และ ชูวิทย์ ได้แถลงตอบกลับในวันเดียวกันช่วงเที่ยง โดยกล่าวว่า “ข้อมูลที่ตั้มได้มานั้นเป็นข้อมูลจากคนเนรคุณที่เคยโกงตนเองตอนติดคุก ยืนยัน เงินในถุงมีแค่ 6 ล้าน ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้มพูด ยอมรับ แทนไท เคยมาหาตนเองจริง เงินจำนวนนี้เป็นของ “นายซัว” มายัดเยียดทื้งไว้ไม่ยอมเอากลับ จึงนำไปบริจาค”
- ทนายตั้ม เคลื่อนไหวล่าสุด ลั่นถาม! “พี่ชูวิทย์จะฟ้องผมเหรอ”
- ทนายตั้ม ไม่แผ่ว! เปิดภาพ ชูวิทย์ รับเงินครั้งแรก จี้ถ้าพี่ไม่กล้าพูด ผมจะเปิดแทน
- ชูวิทย์ ตั้งโต๊ะแถลง หลังทนายตั้มแฉ เงินในถุงกระดาษ ลั่น เป็นข้อมูลจากคนเนรคุณ
ชูวิทย์ฉะทนายตั้มกลางโลกโซเชียล
และเมื่อแถลงเสร็จเรื่องราวยังไม่จบเพียงแค่นั้น แต่ทั้ง ทนายตั้ม และ ชูวิทย์ ไม่มีใครยอมใครฉะกันไปมาหน้าเฟซบุ๊กของตนเองอยู่ตลอด ทั้งการปล่อยภาพวันแรกที่ชูวิทย์รับเงิน ด้านชูวิทย์ก็มีการโพสต์ตอบกลับแบบเป็นนัยๆอยู่เหมือนกัน แต่ล่าสุดเมื่อคืนนี้ 24 มี.ค. 66 ในเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ทั้งคู่นั้นเจอกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยชูวิทย์นั้นโพสต์เล่าเรื่องราวของตนเองว่า
คนสีเทา ผมนั้นเป็นคนสีเทา และไม่เคยเปลี่ยน หรืออันที่จริงแก่เกินไปที่จะเปลี่ยน ผมไม่ใช่คนดี หรือเป็นสุจริตชนแต่อย่างใด แต่เมื่อบ้านเมืองเป็นสีเทา การใช้คนสีเทาอย่างผมจัดการเรื่องเทาๆ แล้วมันก็มีคนใช้วิธีการสีเทาคิดจะจัดการผม.ยอมรับตรงๆ เหมาะสมดี ชอบครับ ผมไม่มีต้นทุน หรือติดลบด้วยซ้ำ คนรบกับผมต้องเหนื่อยหน่อย อย่างทนายตั้ม หรือนายสันธนะที่ออกมาในจังหวะกำลังร้อนแรง ผมชอบแลก เพราะไม่มีอะไรเสีย ผมไปสุดเสมอ เมื่อแรงมาก็แรงกลับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน หากจะเรียกผมว่า “โจร” คงผิด ต้องเรียกผมว่า “มหาโจร” เป็นโจร ย่อมรู้ใจโจร ชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมต้องทันโจร บางเรื่องผมก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เรื่องคงตายไปกับผม เพราะผมก็มี “จรรยาโจร” ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่โจรอย่างผม แต่อยู่ที่คนแกล้งทำตัวขาว แสร้งทำดี ดูเหมือนคนดี แต่แท้จริงแล้วมันคนเลวหลบใน ผมไม่เล่นเกม “โปลิสจับขโมย” กับเด็กวานซืนอย่างตั้ม ที่ไปนั่งตอบทีละนิด โต้ทีละหน่อย เพื่อลากกระแสสื่อไปวันๆ โดยไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ จะทำอะไรกับคนอย่างผมได้? สังคมไทย “ฮีโร่” ตายไปหมดแล้วครับ ตอนนี้มีแต่โจรอย่างผมนี่แหละครับ ที่จะยังเปิดหน้าสู้อยู่ ขึ้นต้นเป็น “ทนายประชาชน” แต่ลงท้ายอย่าเป็น “ทนายโจร” ก็แล้วกัน หรือหากอยากเป็นโจร ก็ยอมรับแบบผมเลยว่าเป็นโจร ล่าสุด ปปง. จะตรวจสอบผม ชอบครับ เพราะก็คนในนี้ล่ะครับ ไม่ได้ไกลที่ไหนเลย ห่างกันแค่ไม่กี่โต๊ะ
ด้าน ทนายตั้ม ก็เข้ามาตอบคอมเมนต์รุ่นพี่แบบจังๆ ด้วยคำเจ็บจี๊ดว่า “เด็กวานซืนเปิดทีละนิดอย่างผม ทำคนแก่ประสบการณ์สูงติดหล่มยิ่งกว่าลิงแก้แหได้ แบบนี้พี่จะเรียกผมว่า ทนายโจร ผมก็พร้อมน้อมรับครับ”
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY