ชายมีอาการตาเหลือง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ป่วยนาน 5 ปี หาหมอช็อก เป็นมะเร็งท่อน้ำดี แถมเจอเนื้องอก 10.5 ซม.
สำนักข่าวอีทีทูเดย์รายงาน กรณีทางการแพทย์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชน เตือนว่ามะเร็งทางเดินน้ำดี (มะเร็งท่อน้ำดี) ค่อนข้างไม่คุ้นเคยสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่มะเร็งที่หายาก สิ่งที่น่ากลัวคือ อาการเริ่มแรกไม่ชัดเจน การวินิจฉัยจึงยากและตรวจพบได้ยากร้อยละ 60 ถึง 70% ของผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลามหรือระยะสุดท้าย
ศาสตราจารย์เหลียวคุนหมิง รองประธานแผนกโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยาของโรงพยาบาล ชี้ว่าผู้ป่วยอายุ 57 ปีเป็นเจ้าของร้านยาจีน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาเริ่มมีอาการอาหารไม่ย่อย มีแก๊สในท้อง และท้องอืด ช่วงแรกก็กินยาจีนรักษา อาการก็ดีบ้าง แย่บ้าง ใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะพบหมอ
เนื่องจากตอนนั้นมีอาการตาเหลืองอย่างเห็นได้ชัด และการตรวจยืนยันระยะที่สามของมะเร็งท่อน้ำดีในตับพร้อมพบเนื้องอกก้อนโตมีขนาด 10.5 ซม. และตัดสินว่าไม่สามารถผ่าตัดเอาออกได้ โชคดีที่หลังจากการประเมิน เขาได้เข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันร่วมกับเคมีบำบัด เนื้องอกหดตัวลงอย่างมากและอาการดีขึ้น
โรคมะเร็งท่อน้ำดี คือ ก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำดีนอกตับ รวมทั้งบริเวณขั้วตับจนถึงส่วนปลายล่างของท่อน้ำดีใหญ่ โดยมะเร็งท่อน้ำดีสามารถแบ่งตามตำแหน่งของเนื้องอกได้ จากรายงานประจำปีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งทางเดินน้ำดีที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยเพิ่มขึ้นทุกปี และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
ซึ่งมักไม่มีอาการหรืออาการแสดงชัดเจนในระยะแรก และประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งทางเดินน้ำดีจำกัด แม้ว่าอาการ เช่น อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง เบื่ออาหาร คันบริเวณผิวหนังทั่วร่างกาย และน้ำหนักลด ก็ยากที่จะนึกถึงความเป็นไปได้ของการเกิดมะเร็ง ทั้งนี้ ควรระวัง อาการตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดเสียดใต้ลิ้นปี่ หรือปวดบริเวณหลัง หรือ
ศาสตราจารย์ไลชือหมิง กรรมการบริหารของมูลนิธิมะเร็งไต้หวัน กล่าวว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะรอจนกว่าจะมีอาการที่ชัดเจน เช่น ดีซ่าน คัน ปัสสาวะสีเข้มหรืออุจจาระสีอ่อนก่อนที่จะไปตรวจสุขภาพ ทั้งนี้ มะเร็งทางเดินน้ำดีตรวจพบได้ยากในระยะเริ่มต้น แต่มะเร็งทางเดินน้ำดีที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง และการวินิจฉัยมักถูกนิยามว่าเป็นมะเร็งตับในอดีต
ศาสตราจารย์ เฉิน เหรินสี ผู้อำนวยการแผนกโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา อธิบายเพิ่มเติมว่ามะเร็งทางเดินน้ำดีแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ มะเร็งท่อน้ำดีในตับ มะเร็งท่อน้ำดีนอกตับ มะเร็งถุงน้ำดี และมะเร็งท่อน้ำดีตามตำแหน่งของเนื้องอก ทั้งนี้ แม้สาเหตุของการเกิดเนื้องอกจะยังไม่ชัดเจนแต่ปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงที่ทราบแล้ว
โดยโรคที่ทำให้เกิดภาวะน้ำดีอักเสบเป็นเวลานานและเกิดความผิดปกติที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบซ้ำของทางเดินน้ำดี ได้แก่ ท่อน้ำดีอักเสบจากท่อน้ำดีอักเสบ, ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล, ตับอักเสบบี, ซี, มีนิ่วในตับ, ตับแข็งเรื้อรัง, การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ตับจีน, การได้รับสารที่เป็นอันตราย เช่น ไดออกซินและ PCBs บ่อย ๆ, โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, การสูบบุหรี่ และโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
ทางแพทย์ขอแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงควรตรวจสอบสุขภาพ สังเกตอาการและตรวจอัลตราซาวนด์หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทุก 3-6 เดือนจนครบ 2 ปี
ขอบคุณที่มาจาก Ettoday