ในช่วงนี้ ใครหลายๆ คนคงรู้สึกอึดอัดเต็มแก่แล้วที่ต้องอยู่แต่บ้านทุกวี่วัน ทำงานก็ต้อง Work from Home ไปเที่ยว เที่ยวใกล้บ้าน เที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวต่างประเทศก็ไปไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้ แค่จะไปร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยบ้านยังกลัวเลย ทั้งที่ไม่ได้ถูกห้ามออกจากบ้านไปไหนเสียทีเดียว แต่ก็เพราะเขาขอความร่วมมือให้อยู่บ้าน บวกกับมีคลัสเตอร์ใหญ่ๆ กระจายอยู่มากมายทั่วไปหมด ถ้าไม่จำเป็นจึงไม่ออกไปไหน
ภาวะ Cabin Fever เป็นสภาวะกดดันทางจิตใจอย่างหนึ่งเวลาที่ต้องอยู่แต่ที่บ้าน หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ เบื่อบ้านนั่นเอง เพราะปกติเราได้ออกไปทำงาน ไปเที่ยว ไปแวะนั่นแวะนี่ อยู่บ้านเฉพาะวันที่อยากอยู่ แต่เวลานี้การอยู่บ้านไม่ได้อยู่เพราะอยากพักผ่อน แต่อยู่เพราะจำเป็นต้องอยู่
Vaile Wright นักจิตวิทยาและผู้อำนวยการศูนย์วิจัย American Psychological Association บอกว่า ภาวะ Cabin Fever ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตและไม่ใช่โรคแต่อย่างใด กล่าวคือ อาการนี้อาจจะไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นเพียงความรู้สึกอึดอัด มีอารมณ์ทางด้านลบ และความทุกข์ใจเพราะถูกจำกัดพื้นที่ เลยรู้สึกเบื่อหน่าย สิ้นหวัง
นอกจากนี้ Paul Rosenblatt นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์กิตติคุณสาขาวิชาสังคมศาสตร์ครอบครัวที่มหาวิทยาลัย Minnesota ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Cabin Fever ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ยังบอกว่า บางคนเกิดอาการวิตกกังวลได้ทันที เพียงแค่พวกเขาคิดถึงว่าจะต้องอยู่บ้านเป็นเวลานานๆ
Cabin Fever มักก่อให้เกิดความรู้สึกห่อเหี่ยว มีอารมณ์ด้านลบ และความทุกข์ที่เกิดจากการถูกจำกัดพื้นที่ รวมถึงหงุดหงิด เบื่อหน่าย สิ้นหวัง วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ หรือแม้กระทั่งมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไป
อาการที่ชัดเจนคือ รู้สึกเซ็งกับชีวิตที่ออกไปไหนไม่ได้ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร แม้แต่กิจวัตรประจำวัน นอนไม่หลับ (ไม่ก็ง่วงเหงาหาวนอนได้ทั้งวัน) ไม่มีอารมณ์ร่วมหรือสนุกกับอะไรเลยสักอย่าง ช่วงแรกๆ จะแก้ไม่ยาก ดังนั้นจึงต้องรีบแก้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อาการจะหนักขั้นสุดที่อะไรก็เยียวยาไม่ได้
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาก็มีวิธีแก้อาการนี้อยู่ โดยเฉพาะผู้ที่หางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ หรือใช้เวลาว่างจัดการกับงานบ้าน พบว่าโอกาสที่จะเกิดภาวะ Cabin Fever นั้นช้ากว่าคนอื่น ดังนั้น นี่คือ 5 แนวทางในการจัดการกับอาการเบื่อบ้าน หรือ Cabin Fever ที่เราสามารถนำไปทำตามได้
หาหนัง หาซีรีส์ เรื่องตลกๆ ดู
เป็นวิธีแก้เหงาแก้เบื่อแบบเบสิกสุดๆ แล้ว แตอาจยากหน่อยช่วงที่ดิ่งมากๆ ในการบิวต์ให้ตัวเองมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่ดู แต่ซักพักพอปรับตัวได้ อารมณ์มันจะดีขึ้น แล้วเราก็จะสนุกสนานกับหนังหรือซีรีส์ที่เราดูได้เหมือนเดิม การเลือกเรื่องก็เอาแบบที่ตัวเองชอบหรืออยากดู เรื่องเศร้าๆ ก็พอได้ เพราะถ้าได้ร้องไห้สักนิดก็รู้สึกดีขึ้นด้วย หนังตลกๆ หนังบู๊แอคชั่น หนังผี (ถ้าไม่กลัวหรืออยากลองดี) ดูการ์ตูนก็ได้หมด แต่หลีกเลี่ยงเรื่องที่ฟีลเหงาๆ ถ้าไม่อยากโดดเดี่ยวเดียวดายอ้างว้างกว่าเดิม ไม่อยากดูจะใช้สมาธิไปอ่านเอาก็ได้ไม่ว่ากัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
จัดบ้านใหม่
ไม่ว่าจะมีบ้านหลังใหญ่โต หรือมีแค่รูหนูไว้ซุกหัวนอน ถ้าลองได้รื้อนั่นรื้อนี่ออกมาจัดระเบียบ ขยับนู่นเขยื้อนนี่แล้วล่ะก็ แป๊บเดียวหมดวัน การจัดบ้านใหม่ ย้ายข้าวของ เก็บนู่นนี่ทิ้ง ปัดกวาดเช็ดถู อาจช่วยให้ความรู้สึกเบื่อของเราดีขึ้นได้ ดีไม่ดีอาจไปรื้อเจอของดีที่เก็บไว้จนลืมเข้า ได้ระลึกความหลังมันก็เพลินไปอีกแบบ พอจัดเสร็จ เราก็จะได้บ้านเดิมแต่มุมใหม่ บรรยากาศใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เพราะข้าวของเปลี่ยนที่ไป อะไรๆ ก็เป็นระเบียบขึ้น แค่นี้ก็ช่วยเปลี่ยนอารมณ์หงุดหงิดได้ดีเหมือนกัน
โทรหรือวิดีโอคอลเม้าท์มอยกับเพื่อน
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงจะเก็บตัวอยู่คนเดียวได้ไม่นาน พอต้องอยู่บ้านคนเดียวหรืออยู่แต่กับครอบครัว ไม่ได้พบปะใครอื่น ก็ยอมรู้สึกเบื่อบ้านจนประสาทเสียเป็นธรรมดา ซึ่งเวลาเหงาๆ หงุดหงิดแบบนี้ ไม่มีใครจะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ดีเท่าเพื่อนสนิทอีกแล้ว ในเมื่อนัดกันไปข้างนอกไม่ได้ จะแวะไปบ้านก็ระแวงโรคกัน ก็โทรคุยกันสิ โทรกลุ่มโทรเดี่ยว แค่นี้ก็เหมือนนั่งอยู่ข้างกันแล้ว ถ้าแค่เสียงมันไม่หนำใจ ก็เปิดวิดีโอคอล เปิดซูมคุยกันไปเลย แล้วจะเฮฮาปาร์ตี้กันผ่านหน้าจอก็ตามสบาย แค่ได้พูดคุยกับเพื่อนบ้างก็ดีขึ้นแล้ว
หาโอกาสอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น
ชีวิตที่อุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ผนังปิดทึบล้อมรอบทุกด้านตลอดทั้งวันและทุกวัน ใครมันจะไปทนไหว เพราะปกติเราได้ออกไปข้างนอก ไปทำงาน ไปเที่ยว แวะนู่นซื้อนี่ กลับต้องมานั่งทำงาน กิน นอน ช้อปปิ้ง และเที่ยวทิพย์อยู่แต่ในบ้าน ฉะนั้น ลองหาโอกาสอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น อาจตื่นให้เช้าขึ้นสักนิด หนีคนพลุกพล่านแดดยังไม่ร้อน ไปเดินตามสนามใกล้ๆ บ้าน ชมนกชมไม้ ถ้าบ้านพอจะมีพื้นที่อาจสั่งต้นไม้มาปลูกเล่นๆ (แต่โตจริง) นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้น-ตก นั่งคุยกับพระจันทร์จันทร์บ้างก็ได้ หรือถ้ามีสัตว์เลี้ยงก็เล่นกับพวกมัน ไม่เหงาแน่นอน
จัดตารางชีวิตประจำวันแล้วทำให้ครบ
เวลาที่เราต้องใช้ชีวิตแบบมีเป้าหมาย ถึงจะรู้สึกเหมือนมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตล่องลอยไม่มีจุดหมาย ไม่มีแก่นสารไปวันๆ เพราะอย่างน้อยเราก็รู้ว่าวันนี้ควรต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง เลยพอจะมีแรงจูงใจในชีวิต ฉะนั้น ต่อให้เบื่อแค่ไหน ก็พยายามทำกิจวัตรทุกอย่างให้เป็นปกติ ถ้ากลัวว่างแล้วฟุ้งซ่าน ก็หาอะไรทำ ยัดใส่ตารางเข้าไป อาจจะดูเด็กไปหน่อย แต่เวลาที่เราพยายามทำอะไรให้เสร็จ จะช่วยให้เรารู้สึกว่ายังมีอะไรที่เราควบคุมได้ และอย่าปล่อยให้ตัวเองขี้เกียจ เหงา เศร้า ซึม เพราะจะยิ่งเบื่อกว่าเดิม