เมียร้องสื่อ ผัวถูกสัตว์มีพิษกัด รพ.ฉีดเซรุ่ม กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ทั้งที่ตอนแรกยังอาการปกติ โวยเพิ่งบอกญาติตอนทรุดไปแล้ว หมอแจ้งให้ทำใจ

วันที่ 14 มี.ค.66 นางภัทรภา แจ้งโลก อายุ 46 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า นายสาธิต สุภายุทธ์ อายุ 42 ปี สามีถูกสัตว์ไม่ทราบชนิดกัด ขณะออกไปรับจ้างทำนา กลางทุ่งนา ม.9 ต.บ้านแพทน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้กับบ้าน ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา หมอได้ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ครั้งแรกพบว่าข้อเท้าขวาที่ถูกกัดมีอาการบวมและปวด แพทย์เจาะเลือดทุก 4 ชั่วโมง เพื่อตรวจหาอาการ ต่อมาพบอาการเท้าบวมและอาการปวดหายไป และโรงพยาบาลแจ้งว่าได้ฉีดเซรุ่มให้จนหมดสติหัวใจหยุดเต้น ต้องเข้าอยู่ห้องไอซียู

นางภัทรภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค ช่วงเช้าสามีไปทำนาตามปกติ ซึ่งห่างจากบ้านไปไม่ไกล จากนั้นได้กลับมาหาตน บอกว่าถูกสัตว์อะไรกัดที่ข้อเท้า ได้พานั่งซ้อนท้ายรถจยย.ไปหาหมอที่โรงพยาบาล จากนั้นหมอตรวจเช็คแล้วให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อดูอาการและเจาะเลือด

ซึ่งตรวจหลายครั้งพบว่าเกร็ดเลือดต่ำ แพทย์ได้ฉีดเซรุ่มให้ หลังฉีดสามีมีอาการแพ้อย่างรุนแรง แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกหมดสติ หมอต้องช่วยกันปั๊มหัวใจ 2-3 ครั้ง แล้วใส่ท่อช่วยหายใจ ตอนนี้สามีนอนอยู่ที่ห้องไอซียู ซึ่งการฉีดเซรุ่มทางโรงพยาบาลมาแจ้งญาติภายหลังจากฉีดไปแล้ว จนมีอาการแพ้ถึงมาแจ้งให้ญาติทราบ ส่วนเซรุ่มที่ฉีดก็เป็นเซรุ่มชนิดรวมไม่ระบุถึงสัตว์หรืองูชนิดใด

ในเบื้องต้นทางแพทย์บอกว่า ให้ญาติทำใจผู้ป่วย สมองไม่ตอบสนอง จะต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียง ครอบครัวตกใจมากทั้งที่มีอาการดีขึ้นหลังจากวันที่ถูกกัด จากปวดขา ขาบวมก็หายไปแล้ว ตนตกใจมากและเสียใจยังตั้งหลักไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เพราะสามีเป็นเสาหลักของครับครัว เลี้ยงดูลูกถึง 3 คนและพ่อแม่ที่แก่ชราอีก ส่วนตัวเชื่อว่าการรักษาของแพทย์น่าจะเกิดความผิดพลาดทำให้สามีเป็นเจ้าชายนิทรา จึงอยากให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงหรือแสดงความรับผิดชอบ จากนี้ใครจะเป็นผู้หารายได้เข้ามาใช้จ่ายในครอบครัว

ด้าน นางเฉลียว สุภายุทธ์ อายุ 68 ปี แม่ของ นายสาธิต กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องทุกวันนี้ก็เครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับ สงสารลูกเพราะเป็นเสาหลัก คอยทำมาหากินช่วยเหลือเลี้ยงครอบครัว ตอนที่อยู่ก็เป็นคนดีห่วงคนในครอบครัวมาก ตนก็ไปไหว้พระขอพร ให้มีปาฏิหาริย์ให้ลูกชายปลอดภัยและกลับมาอยู่กับตน โดยครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงลูกชายทางโทรศัพท์บอกแม่ว่า ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดกับลูกชายอีกเลย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวเพื่อติดต่อขอข้อมูลคำอธิบายของการรักษากับทางผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลติดภารกิจ ยังไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล