หวังดันหลานสาวลูกครึ่งเข้าวงการนางแบบเด็ก กลับถูกมิจฉาชีพตุ๋นจนเป็นหนี้ ให้ทำกิจกรรมเสียเงิน ต้องไปกู้เขามา สุดท้ายส่งข้อความเย้ย ด่าอีโง่
วันที่ 13 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจาก น.ส.วิจิตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี และ น.ส.กรรณิการ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นยายและน้าของ น้องรีญา เด็กหญิงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 5 ขวบ หลัง น.ส.วิจิตร ผู้เป็นยายตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกให้โอนเงินเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ จนหมดเงินไป 1.3 หมื่นบาท เพื่อหวังผลักดันให้หลานสาวเข้าสู่วงการนางแบบเด็ก
น.ส.วิจิตร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนเล่นเฟซบุ๊กแล้วบังเอิญไปเจอลิงค์โฆษณาเกี่ยวบริษัทจัดหานายแบบนางแบบเด็ก เพื่อไปเดินแบบโฆษณาในชุดเสื้อผ้าเด็ก ด้วยความสนใจอยากจะผลักดันให้หลานสาว ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันเข้าสู่วงการนางแบบเด็ก เพื่อจะมีรายได้พิเศษมาช่วยเหลือครอบครัว จึงตัดสินใจกดลิงค์เข้าไปดู จากนั้นก็มีแอดมินเพจดังกล่าวทักข้อความในเฟซบุ๊กกลับมา ให้ตนส่งประวัติและรูปถ่ายของหลานสาวเข้าไปสมัครร่วมในการเฟ้นตัว และส่งหมายเลขประจำตัวของหลานสาวกลับมาให้
โดยในข้อความนั้นแอดมินเพจอ้างตัวว่า เป็นตัวแทนบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) กำลังคัดเลือกนางแบบเด็กเพื่อไปถ่ายโฆษณาเสื้อผ้าชุดคอลเล็คชั่นฤดูร้อน ทำให้ตนหลงเชื่อว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง จากนั้นจึงถูกมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นแอดมินระบุว่า หากตนซึ่งเป็นผู้ปกครองของหลานสาว สามารถทำกิจกรรมตามด่านต่างๆ ที่กำหนดไว้ครบ หลานสาวตนก็จะมีสิทธิ์ได้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งจะทำให้มีเงินเดือนและค่าตัวที่ไปออกงานเดินทาง ด้วยความสนใจตนจึงตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมกับแอดมินเพจดังกล่าว
น.ส.วิจิตร เปิดเผยอีกว่า ต่อมาแอดมินเพจได้ให้ตนติดต่อผ่านทางไลน์เพื่อเข้าร่วมกลุ่มผู้ปกครอง ซึ่งในกลุ่มนั้นจะมีผู้ปกครองอีกประมาณ 5 คน ตนมารู้ภายหลังว่ากลุ่มผู้ปกครองในกลุ่มไลน์นั้นเป็นหน้าม้าทั้งหมด ซึ่งจะผลัดกันเข้ามาโชว์สลิปการโอนให้ตนเห็นว่ามีคนร่วมกิจกรรมด้วย จากนั้นจึงชักชวนตนให้เริ่มทำกิจกรรมแรกด้วยการเข้าไปกดรูปหัวใจให้กับชุดโฆษณาเสื้อผ้าเด็ก พร้อมกับให้โอนเงินค่าทำกิจกรรมเข้าไปให้ด้วยครั้งแรกเป็นเงิน 500 บาท
จากนั้นก็ให้เข้าไปทำกิจกรรมที่ 2 กดรูปหัวใจชุดเสื้อผ้าอีก โดยต้องโอนเงินเข้าไปให้อีก 1,260 บาท รอบที่ 3 อีก 3,900 บาท ในตอนแรกที่ตกลงพูดคุยกันตนนึกว่ามีแค่ 3 กิจกรรม แต่สุดท้ายกลับจะให้ตนโอนเงินไปให้อีก 6,960 บาท จนตนไม่มีเงินที่จะโอนไปให้แล้ว จึงได้บอกปฎิเสธไป แต่ก็ถูกมิจฉาชีพรายนี้ขู่ว่าหากตนไม่ทำกิจกรรมให้ครบทั้ง 5 ด่าน หลานสาวก็จะไม่ได้เป็นนางแบบเด็กและไม่ได้รับเงินที่ทำกิจกรรมค้างไว้คืน
จนกระทั่งตนต้องไปหากู้เงินมาได้เพียง 3,000 บาท ก็ถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนไปอีก ตนก็หลงเชื่อเพราะคิดว่าจะจบกิจกรรมได้ตามที่เขาบอก แต่สุดท้ายมิจฉาชีพบังคับให้ตนไปเข้ากิจกรรมที่ 4 ซึ่งตนจะต้องเสียเงินอีก 12,800 บาท แต่ตนไม่มีเงินขนาดนั้นที่จะร่วมกิจกรรมอีก จึงตัดสินใจขอเงินที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมดคืน รวมเป็นเงินประมาณ 13,000 บาท แต่ทางมิจฉาชีพไม่ยอมทั้งโทรทั้งส่งข้อความมาบังคับให้ตนไปหาเงินมาเพิ่มอีก จะเอารถ จยย.หรือ ไปกู้นอกระบบมาโอนให้ครบ พร้อมกับส่งลิงค์บริษัทรับจำนำรถมาให้ตน จนตนเครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวที่เสียไปเป็นเงินที่ใช้จ่ายใช้กินในครอบครัวแต่ละวัน จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าตนไม่สามารถหาเงินมาโอนเพิ่มให้ได้ ทางมิจฉาชีพจึงส่งข้อมาเยาะเย้ยตนว่า “เรามากันเป็นกลุ่ม เรามาเป็นมิจ เรามากันเป็นทีมค่ะ อีโง่ ” จากนั้นก็ลบตนออกจากกลุ่มไลน์ไป
น.ส.วิจิตร เปิดเผยอีกว่า หลังรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวงแล้ว ตนพยายามเดินทางไปเข้าแจ้งความ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบ่ายเบี่ยงให้ตนไปแจ้งความเป็นคดีออนไลน์ด้วยตนเอง แต่ตนไม่ทราบวิธีการว่าจะต้องแจ้งต้องกรอกรายละเอียดยังไง จึงสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวเพื่อหวังให้ทางเพจข่าวอย่าง กัน จอมพลัง หรือ สายไหมต้องรอด ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวตนที เพราะตอนนี้ ทางครอบครัวตนแทบไม่เหลือเงินค่ากินค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว แถมยังต้องมาเป็นหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาเพราะถูกมิจฉาชีพกลุ่มหลอกลวงเพราะเพียงแค่ตนหวังว่าหลานสาวจะได้มีอนาคตที่ดีมีรายได้มาจุนเจือครอบครัว