“ไทยสร้างไทย” ย้ำต้องสร้างคนตัวเล็ก ช่วยหาเงินเข้าประเทศ จ่อออกพ.ร.ก.แก้กฎหมายขัดคนทำมาหากิน ด้าน “สุวัจน์” รื้อพลังงาน-สร้างรถไฟ “เชื่อมอีสานสู่โลก”
เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) เครือมติชนจัดแคมเปญ “มติชน: เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย” ภายใต้หัวข้อ “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” เข้าสู่ช่วงที่ 2 เป็นการดีเบตด้านเศรษฐกิจ ในหัวข้อ การหาเงินเข้าประเทศ ในสถานการณ์ที่ประเทศมีค่าใช้จ่ายหลายด้าน มีแนวทางหารายได้เข้าประเทศอย่างไร
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า เรื่องหาเงินเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนโยบายทั้งหลายที่ออกมาส่วนใหญ่ใช้เงินทั้งหมด แต่การหาเงินอยู่ตรงไหน เราต้องสร้างกลไกให้คนตัวเล็กๆ ขึ้นมาแข็งแรง ให้มีโอกาสสามารถเข้ามาช่วยประเทศมีรายได้มากขึ้น วันนี้ความเหลื่อมล้ำทั้งหลายเกิดขึ้น ดังนั้นการหาเงินเข้าประเทศก็เบาบางลง วันนี้โครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐมีการคอรัปชั่นอยู่มาก เราจะทำอย่างไรให้เรื่องเหล่านี้ลดน้อยลง
สิ่งที่สำคัญคือ ต้องสร้างภาคเอกชนให้เข้มแข็งและรายได้จะเข้าประเทศ วันหนึ่งเขาจะเติบโตขึ้นและเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็จะนำรายได้เข้าประเทศ ถ้าเราสร้างบริษัทเล็กขึ้นมาอีกหมื่นรายมันจะแตกกันโดยสิ้นเชิง ประเทศเราจะเข้มแข็งขึ้น วันนี้เราโฟกัสผิด เราโฟกัสที่บริษัทใหญ่ แต่เราต้องโฟกัสสิ่งที่เราถนัดคือ การเกษตรและการท่องเที่ยว คนเหล่านี้โตขึ้นมาและเข้าอยู่ในระบบได้โดยที่เราช่วยเหลือ คนในประเทศชาติเราก็จะเข้มแข็ง รายได้ของทุกคนก็จะหมดความเหลื่อมล้ำ ทุกคนไม่ต้องรอซื้อหวยและรอเงินแจกจากภาครัฐ เราต้องฝึกคนของเราหาเงินเองให้ได้ก่อน
นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า การหาเงินเข้าประเทศต้องสร้างคนให้มาก วันนี้อุปสรรคของคนหาเงินคือกฎหมาย ดังนั้นเราต้องยกกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจแขวนไว้เพื่องดบังคับใช้ชั่วคราว พรรคไทยสร้างไทยคิดที่จะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 1 ฉบับ เพื่อแขวนกฎหมายเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องอาหารและยา(อ.ย.)อย.เป็นอุปสรรคมาก เครื่องดื่ม อาหาร เครื่องสำอาง ต้องขออาหารและยา(อ.ย.)หมด ซึ่งไม่จำเป็นเพราะอาหารและยา ดูเรื่องการแพทย์ก็พอ สิ่งเหล่านี้ต้องแก้กฎหมายให้คนทำมาหากินได้
ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า(ชพก.) กล่าวว่า แนวทางในการหารายได้เข้าประเทศ อยู่บนพื้นฐานว่า มีงาน มีเงิน และของไม่แพง ฉะนั้นเศรษฐกิจใหม่เราต้องมองถึงจุดแข็งของประเทศ ชพก. ได้พัฒนานโยบายหาเงินเข้าประเทศเพิ่มเติมอีก 5 ล้านล้านบาท จากนโยบายเศรษฐกิจหลากสี อะไรที่ยังไม่เป็นธุรกิจ อะไรที่เป็นจุดแข็ง หยิบเอามาสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น นโยบายเศรษฐกิจสีขาว ท่องเที่ยวสายงู นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว คาร์บอนฟุตปรินต์ รถ EV หรือ นโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสีซิลเวอร์ ผู้สูงอายุ สุขภาพ Wellness หรือนโยบายเศรษฐกิจสีรุ้ง ความเท่าเทียมกัน นโยบายต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การหารายได้ใหม่ๆ เข้าประเทศ
“หัวหน้าพรรคคำนวณไว้แล้วว่า อย่างน้อย 5 ล้านล้านบาท ที่จะเป็นเงินใหม่งานใหม่ เร็วที่สุดวันนี้ต้อง “ท่องเที่ยว”ซึ่งไม่ต้องการความเชื่อมั่นอะไรมากหรอก ขอให้มาเมืองไทยแล้วปลอดภัย 40 ล้านคน เคยเอารายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้านบาท นโยบาย 4 ปีข้างหน้า ’40 ล้านต้องเป็น 2 เท่า’ คนไทย 1 คน รับนักท่องเที่ยว 1 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 40 ล้านคน อยู่คนละ 10 วัน วันละ 50,000 บาท เราบอกว่า 40 ล้าน เป็น 70 ล้านได้ไหม อยู่ 10 วัน เป็น 12 วันได้ไหม ใช้จ่ายวันละ 5,000 เป็น 6,000 ได้ไหม 70 ล้าน x 12 วัน x 6,000 บาท กลายเป็น 5 ล้านล้านบาททันที ซึ่งเราทำได้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวของโลกและเราก็มีความพร้อม” นายสุวัจน์กล่าว
นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า นโยบายที่ 3 ใช้พลังซอฟต์เพาเวอร์ ในเรื่อง ‘Film – Fighting – Fashion – Food festival’ บูมกันให้เต็มที่ เพราะเป็นจุดแข็งของสังคมไทย ใครก็มาแย่งซอฟต์เพาเวอร์ของเราไปไม่ได้ อันนี้คือการหารายได้เข้าประเทศที่เร็วที่สุด เรื่องที่ 4 การเกษตร จุดแข็งของสังคมไทย เราเป็นมหาอำนาจทางด้านการเกษตร แต่วันนี้เราส่งเป็นสินค้าวัตถุดิบ เพียงเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมเท่านั้น งานอีกหลายล้านตำแหน่ง รายได้อีกหลายร้อยเท่าจะเข้ามาทันที ซึ่งตนเพิ่งไปประกาศนโยบาย “โคราชโนมิกส์”อีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพราะสภาพภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป วันนี้อีสานไม่ใช่อินโดจีนอย่างเดียว อีสานคือจีน คือยุโรป คือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ผ่านเส้นทางสายใหม่ของจีน เพียงแค่ต่อเส้นทางการคมนาคม รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง M6 มอเตอร์เวย์ ไปถึงหนองคาย เวียงจันทน์เท่านั้นเราจะเชื่อมอีสานสู่โลก แล้วอีสานจะเป็นแผ่นดิน เป็นระเบียงเศรษฐกิจที่จะมาสร้างจีดีพีใหม่ ให้กับประเทศ 5 นโยบายนี้ จะสร้างความมั่งคั่ง รายได้ใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ทั้งหมด
นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า ในเรื่องการหารายได้ ก็หาไป แต่การลดรายจ่าย คือการเพิ่มรายได้ทางอ้อมอีกทาง พรรคชพก. เสนอการ ‘ลดรายจ่าย’ ด้วยการ 1.รื้อโครงสร้างพลังงาน เพื่อที่จะลดค่าน้ำมัน ลดค่าแก๊ส ลดค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชน ในค่าการกลั่น ต้นทุนตลาด การที่ไฟฟ้ามาจากพลังงานทดแทนจะช่วยเพิ่มรายได้ทางอ้อม 2.ปรับโครงสร้างภาษี รายได้ 40,000 ไม่ต้องเสียภาษี แก้ทั้งความเหลื่อมล้ำ แล้วเอาค่าภาษีนี้ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของพี่น้องประชาชน
“ผมอยากฝากว่า พรรคชพก.ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเชิงนโยบาย ถือเป็นการสร้างความยั่งยืน มั่งคั่ง และแก้ไขปัญหาทุกสิ่งไม่ให้เป็นภาระกับพี่น้องประชาชนในระยะยาว” นายสุวัจน์กล่าว