สุดารัตน์ ชี้ไทยเผชิญ 5 ความท้าทายโลก แนะวางมาตรการเชิงรุก พลิกวิกฤตโลกให้เป็นโอกาสหาเงินเข้าประเทศ มุ่งแก้หนี้ประเทศ ด้วยการสร้างรายได้
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเผชิญและรับมือกับ 5 ความท้าทายของโลก หากรับมือได้ทันก็รอด แต่หากรับมือไม่ทันก็ร่วง ถ้าผู้นำมีวิสัยทัศน์ วางยุทธศาสตร์ประเทศให้ดี ก็จะสามารถพลิกวิกฤตโลกให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยได้
สำหรับ 5 วิกฤตและความท้าทาย คือ 1.ความท้าทายของโรคระบาด ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ที่เป็นปัญหากระทบทั่วโลก ทั้งด้านชีวิต สุขภาพ และเศรษฐกิจ ต่อเนื่องเข้าปีที่ 3 มีการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ กระทบซัพพลายเชน และรายได้การท่องเที่ยวทั้งโลก ดังนั้น ในวิกฤตโรคระบาด ไทยสามารถพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้ เพราะเรามีระบบสาธารณสุขที่ดีมาก เราต้องทำให้ไทยเป็นหลุมหลบภัยจากโรคระบาดให้คนทั้งโลกมา Work from Thailand เราต้องเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพครบวงจรของโลก โดยเฉพาะการชูสมุนไพรไทยที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ
2.ความท้าทายการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญกับการรับมือกับสภาวะโลกร้อน ซึ่งไทยต้องปรับตัวให้เกิดการผลิตพลังงานทดแทนอย่างเร่งด่วน สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแต่รัฐต้องเลิกเอื้อประโยชน์ให้โรงงานไฟฟ้ารายใหญ่ แล้วหันมาสนับสนุนให้ภาคครัวเรือน เอกชน และท้องถิ่น สามารถผลิตไฟฟ้าของตนเองได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งการนำของเหลือจากภาคเกษตรมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน และ Bio Plastic ได้อย่างมากมาย ลดการเผาที่ทำให้โลกร้อนและเกิด PM 2.5 ซึ่งทั้งหมดต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะทั้งสหรัฐและยุโรปได้ผ่านกฎหมายที่จะเก็บภาษีเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบในการส่งออกของธุรกิจ SMEs อย่างมหาศาล
3.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรโลก ซึ่งไทยมีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยมากที่สุด อีกทั้งคนไทยแก่ก่อนรวย และสุขภาพไม่ดี ดังนั้น นอกจากคนวัยทำงานจะน้อยลง ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ปีละเป็นแสนล้าน เราจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ อย่างโครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาท ที่ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งต้องเข้าโปรแกรมการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
พร้อมทั้งการให้ความรู้ด้านอาชีพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงกลับไปทำงานได้ และเงินของผู้สูงอายุเดือนละ 3000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ฟื้นตัว ซึ่งจะยกระดับให้เศรษฐกิจทั้งประเทศดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น ไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุ “Thai Hospitality” และทำเป็นที่พำนักระยะยาว สำหรับผู้สูงอายุจากทั่วโลกได้อีกด้วย
4.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว ซึ่งเป็นทั้งวิกฤต และโอกาสของโลกยุคใหม่ เพราะปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Big Data, Internet of Things,Robots และ Quantum Computing ได้เข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งไทยต้องเร่งส่งเสริมปรับหลักสูตรการศึกษา ให้เด็กไทยได้เข้าถึงโอกาสเหล่านี้
พร้อมทั้งต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย ให้รองรับการสร้างธุรกิจจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ Startup ได้ระเบิดศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ และ 5.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์โลก ที่ส่งผลกระทั่วโลกในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านดุลอำนาจของ 2 ขั้วอำนาจระหว่างชาติตะวันตกกับตะวันออก สงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้า
“เราต้องใช้โอกาสนี้ ที่เราเป็นประเทศที่เป็นมิตรแน่นแฟ้นกับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงรัสเซีย วางตำแหน่งภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศให้ถูก และควรจะยืนอยู่กลางความถูกต้อง ค้าขายกับประเทศใดก็ได้ ใครอยากจะมาลงทุนก็ยินดีรับหมด เพื่อดึงดูดการย้ายฐานการผลิต และใช้ทำเลที่ตั้งที่เราอยู่ใจกลางภูมิภาค มาเป็นโอกาสในการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องย้ายฐานการผลิต อย่างรถ EV และอิเล็กทรอนิกส์” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว